สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ว่า​ นายอาลี ลาริจานี ที่ปรึกษาของอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน กล่าวว่า รัฐบาลเตหะรานยังคงรักษาจุดยืนในการไม่ก้าวไปสู่การมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ภายในครอบครอง แต่หากสหรัฐดำเนินการในทางใดก็ตาม “ที่ส่งผลเสีย” ต่อโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน อิหร่านไม่ลังเลที่จะพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของตัวเองในรูปแบบของอาวุธ “เพื่อป้องกันตนเอง” เพราะ “ไม่มีทางเลือกอื่น”


ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษกับเอ็นบีซีนิวส์ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า “จะมีการทิ้งระเบิดเกิดขึ้น” กับอิหร่าน หากอีกฝ่ายไม่ยอมบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับใหม่ และยังเตือนเรื่องการใช้มาตรการ “ภาษีรอง” กับรัฐบาลเตหะราน ที่หมายถึงการจะขึ้นภาษีกับประเทศที่สาม ซึ่งยังคงคบค้าสมาคมกับอิหร่าน


ด้านกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านเชิญอุปทูตสวิตเซอร์แลนด์เข้าพบ ในฐานะประเทศคนกลางระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน เพื่อประท้วง “วาทกรรมข่มขู่คุกคาม” ของประธานาธิบดีสหรัฐ


อนึ่ง ทรัมป์ใช้นโยบายกดดันสูงสุดต่ออิหร่าน นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก หลังนำรัฐบาลวอชิงตันถอนตัวฝ่ายเดียวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ กับรัฐบาลเตหะรานและนานาชาติ เมื่อปี 2561 ขณะที่อิหร่านกลับมาเดินหน้าโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม

ขณะที่รัฐบาลวอชิงตันส่งหนังสือถึงคาเมเนอี เมื่อช่วงต้นเดือน​ มี.ค. เรียกร้องการเจรจา แต่กลับระบุเกี่ยวกับ “การใช้มาตรการทางทหาร” หากมีการปฏิเสธ ซึ่งผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวว่า เป็นจดหมายที่ “ไม่ฉลาด” และยืนยันจะไม่เจรจากับอีกฝ่าย ตราบใดที่มาตรการคว่ำบาตรยังคงอยู่.

เครดิตภาพ : AFP