จากสถิติกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ปัจจุบันสาธารณภัยใกล้ตัวที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดคืออัคคีภัย 73% ทั้งในพื้นที่บ้านและอาคารขนาดใหญ่

ทั้งนี้สาเหตุหลักของอัคคีภัยมาจากอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าชำรุด ไม่มีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ง่าย ดังนั้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันหยุดยาว ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ชวนทุกคนสังเกต ตรวจสอบและสำรวจด้วยตัวเองกับ 7 วิธีเช็กระบบไฟฟ้าภายในบ้านและอาคารเบื้องต้น ดังนี้

1.เช็กแหล่งจ่ายไฟหลักตู้ไฟฟ้าและเบรกเกอร์ สำรวจทุกจุดของบ้านและอาคารมีไฟฟ้าดับหรือไม่ พร้อมตรวจดูตู้เมนไฟฟ้าและสายไฟหลัก หากพบความผิดปกติ เช่น สายไฟชำรุด หรืออุปกรณ์เสียหาย ควรปิดสวิตช์ไฟหลังทันที เพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรและตรวจสอบเบรกเกอร์ทำงานเป็นปกติหรือไม่ หากพบปัญหาควรตรวจหาสาเหตุก่อนทำการรีเซต

2.เช็กสัญญาณของไฟฟ้าลัดวงจร สำรวจและสังเกตว่ามีเสียงช็อตไฟ หรือมีกลิ่นไหม้จากอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรรีบปิดระบบไฟฟ้าและเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทันที

3.เช็กสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้า สำรวจและตรวจสอบความชำรุด ฉีกขาดของสายไฟ และอุปกรณ์เปิดปิด รวมถึงเต้ารับ-เต้าเสียบ ว่ามีรอยแตกร้าวหรือหลุดจากผนังหรือไม่ หากพบความเสียหายควรงดใช้งาน

4.เช็กระบบสายดิน ควรตรวจสอบสายดินของระบบไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพดีเสมอ ไม่มีการหลุดหรือขาด หากพบความผิดปกติ ควรให้ช่างไฟฟ้าทำการซ่อมแซมทันที

5.เช็กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อาจสัมผัสน้ำ หากพบว่าสายไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าเปียกน้ำหรือจมอยู่ในน้ำ ห้ามสัมผัสโดยตรงเด็ดขาด ควรปิดไฟจากแหล่งจ่ายหลักก่อน และเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย

6.เช็ก UPS และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า สำรวจอุปกรณ์สำรองไฟทำงานเป็นปกติหรือไม่ และตรวจสอบระดับพลังงานของแบตเตอรี่หรือเชื้อเพลิงในเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้เป็นปกติ

7.รายงานปัญหาให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ หากไม่แน่ใจว่าระบบไฟฟ้ายังปลอดภัยหรือไม่ ควรปรึกษาช่างเข้ามาตรวจสอบก่อนการใช้งาน หากพบปัญหาหรือความเสียหาย ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ไฟฟ้าหรือผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบและแก้ไขโดยเร็ว

การตรวจสอบเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งอาจทำให้เกิดไฟไหม้ ลดความเสี่ยงจากไฟฟ้ารั่วที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต และป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบไฟฟ้าในอาคาร