พระเทพวัชรสารบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณประสาร” รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) กล่าวถึงกรณีที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ถึงบทบาทของ มจร ในการเคลื่อนไหวปกป้องพระพุทธศาสนา ที่ในปัจจุบันขาดหายไป ว่า จุดยืนที่สำคัญของสถาบันสงฆ์ มหาวิทยาลัยสงฆ์ และโดยเฉพาะ มจร คือการให้การศึกษาพระพุทธศาสนา บูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่ เพื่อพัฒนาจิตใจและสังคม บัดนี้ จุดยืน อุดมการณ์ เป้าหมาย ไม่เคยเปลี่ยนไปจากพวกเราชาว มจร พวกเราที่บริหารกันอยู่ส่วนใหญ่เป็นพระผู้น้อย จึงมุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละเพื่อให้มหาวิทยาลัยเดินหน้าไปให้ได้ ให้ดี ให้มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับ การบริหาร มจร ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย มจร ของเราอยู่ภายใต้บริบทแห่งสังคมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว วิถีผู้คนเปลี่ยน แนวคิดและการดำรงชีวิตก็เปลี่ยน เทคโนโลยีก้าวไกล เด็กยุคใหม่มีมากขึ้น แล้วฝ่ายบริหาร มจร จะนำพาองค์กรนี้ไปอย่างไร ทิศทางไหน ท่ามกลางความหลากหลาย ความต้องการ พายุคลื่นลมและข้อจำกัดอื่นอีกมากมาย วันนี้เรากล้าพูดได้ว่าเราภูมิใจ ที่ได้ทำพันธกิจบรรลุเกือบจะทุกตัวชี้วัด (KPI) ในการให้การศึกษาพระพุทธศาสนาแก่ผู้คนมากขึ้น ครอบคลุมแพร่หลาย สร้างคุณประโยชน์มหาศาล ในยุทธศาสตร์ทั้ง 4 ด้านของ มจร เราทำได้เกือบจะครบและสมบูณ์ คือ 1.การผลิตบัณฑิตที่มีสติปัญญาและคุณธรรม 2.วิจัยและพัฒนา 3.บริการวิชาการแก่สังคม 4.ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ศิลปและวัฒนธรรม
รองอธิการบดี มจร กล่าวต่อไปว่า ส่วนอีกด้านหนึ่งในทางสังคมนั้น เป็นที่ถูกจับตามองและวิพากษ์วิจารณ์ถึงอยู่บ่อยๆ แต่ระยะหลังมานี่ก็มีระดับที่ถี่ขึ้นวิพากษ์ทั้งเบาทั้งหนัก จึงขอบอกว่าการต่อสู้เพื่อพิทักษ์ ปกป้อง และคุ้มครองพระพุทธศาสนานั้นยังเป็นชีวิต เป็นเลือดเนื้อของพวกเราอยู่ แต่การกระทำ การแสดงออกก็จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเหมาะสม เราจะทำตามอำเภอใจไม่ได้ เพราะนี่คือ มจร ไม่ใช่ตัวบุคคลหรือสมาคม องค์กรต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อการเคลื่อนไหว จึงอยากให้พวกเราทุกคนได้เข้าใจถึงสถานะและบทบาทของมหาวิทยาลัย จะได้ตระหนักรู้ร่วมกัน และอยากให้พวกเราทุกคนมองเห็นภาพรวมให้ตรงกัน และในที่สุดแล้วจึงจะมองเห็นได้ว่าจากนี้ไปเราจะช่วยกันรักษาสถาบันหลักทางการศึกษาของคณะสงฆ์ไทย ที่มีประวัติการสถาปนามากว่า 138 ปีนั้น คือ มจร ของพวกเราไว้ให้สง่างามได้อย่างไร
“วันนี้มหาวิทยาลัยเป็นองคาพยพใหญ่ มีพันธกิจหลายด้าน การทำงานจึงอาจจะมีทั้งถูกใจและไม่เห็นด้วย มีทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ เป็นธรรมดาของชาวโลก ว่าได้ติเตียนได้ โดยเฉพาะอาตมานั้นก็เป็นตำบลแห่งกระสุนตกเรื่อยมา ไม่มีปัญหา ยินดี แต่ถ้าพูดไปถึงภาพใหญ่รุกไปถึงองค์กร อันนี้ก็ต้องพิจารณาให้ดี ให้ความเป็นธรรมกับผู้คนทั้งหลายในองค์กรด้วย” พระเทพวัชรสารบัณฑิต กล่าว