สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ว่า เดอะ วอชิงตัน โพสต์ รายงานโดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าว ว่ารัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เตรียมเสนอแผนการเข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรส เป็นการปรับลดงบประมาณตามดุลพินิจของกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐลงราว 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.32 ล้านล้านบาท) สำหรับปี 2569


ทั้งนี้ งบประมาณตามดุลพินิจของกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐ อยู่ที่ราว 121,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.01 ล้านล้านบาท) เมื่อปีงบประมาณ 2567


ย้อนกลับไปเมื่อเดือน มี.ค. ปีที่แล้ว นายโรเบิร์ต เอฟ.เคนเนดี จูเนียร์ รมว.สาธารณสุขสหรัฐ กล่าวถึงแผนการปฏิรูปองค์กรครั้งใหญ่ ซึ่งจะเป็นการเลิกจ้างพนักงาน 10,000 คน นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่ซึ่งสมัครใจเกษียณอายุก่อนกำหนด เพื่อลดจำนวนบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข จาก 82,000 คน เหลือ 62,000 คน และลดจำนวนสำนักงานในสังกัด จาก 28 แห่ง เหลือ 15 แห่ง


สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (เอฟดีเอ) เป็นหน่วยงานที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยต้องลดพนักงาน 3,500 คน ตามด้วยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ซึ่งจะมีการเลิกจ้าง 2,400 ตำแหน่ง และสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นไอเอช) ที่จะมีการปลดพนักงานราว 1,200 คน ส่วนที่เหลือจะมาจากหน่วยงานดูแลเรื่องระบบประกันสุขภาพ “เมดิแคร์” และ “เมดิเคด”


แม้เคนเนดีกล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าว จะสามารถช่วยให้กระทรวงประหยัดงบประมาณได้ 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 59,742 ล้านบาท) แต่คิดเป็น 0.1% เท่านั้น และเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่รัฐเทกซัสและรัฐนิวเม็กซิโก กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคหัด และวิกฤติการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกที่ยืดเยื้อมานานหลายปี.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES