จากกรณีปัญหาโครงการ 7 ชั่วโคตร ที่ จ.กาฬสินธุ์ ฝีมือ 2 หจก.รับเหมา รับงาน 8 โครงการของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ในพื้นที่ อ.เมืองกาฬสินธุ์ อ.ฆ้องชัย และ อ.กมลาไสย ประกอบด้วยโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งรวม 7 โครงการ และโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองกาฬสินธุ์ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 62-64 รวมงบประมาณกว่า 545 ล้านบาท ที่ก่อสร้างไม่เสร็จแม้แต่โครงการเดียว ทั้งยังเบิกเงินงวดงานไปแล้วกว่า 250 ล้านบาท ต่อมาได้ถูกกรมบัญชีกลางขึ้นแบล็กลิสต์ เป็นผู้ทิ้งงานประกาศเวียนห้างหมดสิทธิเข้ารับงานจากภาครัฐทุกกรณี ขณะที่ ดร.ฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ปธ.กมธ.ป.ป.ช.) พร้อมคณะ และองค์กรอิสระ ทั้ง ป.ป.ท., สตง., ป.ป.ช., รวมทั้งเครือข่ายธรรมาภิบาล ร่วมกันเดินหน้าตรวจสอบเชิงลึกละเอียดยิบ ที่ยังติดอยู่ที่การดำเนินการตามกฎหมาย และการเรียกคืนความเสียหายที่เป็นเงินภาษีของประชาชน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงต้นเดือน เม.ย. นี้ ขณะนี้กรมโยธาธิการและผังเมืองกระทรวงมหาดไทย ได้ผู้รับจ้างรายใหม่เข้ามาทำงานแล้ว 1 โครงการ คือ โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักบรรเทาปัญหาน้ำท่วมเมือง (ส่วนที่เหลือและซ่อมแซมบูรณะส่วนที่ชำรุดบกพร่อง) งบประมาณ 68,034,000 บาท (จากเดิมก่อสร้างด้วยงบประมาณ 148,200,000 บาท แต่ผู้รับจ้างรายเดิมเบิกจ่ายไปแล้ว 80,166,000 บาท) ซึ่งผู้รับจ้างคือ บริษัท สินเจริญสนม จำกัด มีสัญญาระหว่างเดือน มี.ค. 68-ต.ค. 69 ห้วงระยะเวลาทำงาน 600 วัน ซึ่งได้ลงมือทำงานมาตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. 68 ที่ผ่านมา พบว่าผู้ควบคุมงานและคนงานกำลังเร่งมือทำงานกันอย่างเต็มที่ เป็นรูปแบบการวางท่อเจาะถนนที่มีการทำงานอย่างมีแบบแผนเต็มประสิทธิภาพ ลงมือทำงานตั้งแต่เช้าและทำล่วงเวลาทุกวัน สร้างความดีใจต่อพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะจุดก่อสร้างที่ท่อระบายน้ำจะต้องผ่านชุมชน มีการกำหนดวันและจัดวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบ ในจุดก่อสร้างบริเวณหลังห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ มีความเชื่อมั่นในการทำงาน

ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ กรมโยธาธิการและผังเมืองกาฬสินธุ์ จัดหาผู้รับจ้างรายใหม่เข้ามาการก่อสร้างในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ถือว่ามีแบบแผนมีการกำหนดวันและแจ้งให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณก่อสร้างมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ผิดจากเมื่อก่อนที่ไม่มีใครยืดอกออกมารับผิดชอบจากผลกระทบทั้งที่เป็นเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จะถูกปัดปัญหากันไปมาว่าเป็นงบประมาณของกรมโยธาธิการฯ จึงไม่เกี่ยวกับทางจังหวัด แต่เมื่อมีการจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่เข้ามาก่อสร้างแล้วก็รู้สึกดีใจ และเท่าที่สอบถามผู้รับจ้างรายใหม่ก็บอกว่าโครงการนี้ จริงๆ ก่อสร้างไม่ยาก แต่จำเป็นต้องทำงานก่อสร้างอย่างเป็นระบบ ที่สำคัญจะต้องเป็นจุดๆ เพื่อให้มีการเชื่อมต่อและลดปัญหาผลกระทบต่อประชาชนผู้อยู่อาศัย และคาดว่าการก่อสร้างหากไม่มีปัญหาอะไรขึ้นมา ก็จะทำให้โครงการนี้ดำเนินการไปได้

แต่สิ่งที่คาใจจะเป็นเรื่องแบบแปลนการก่อสร้างในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ เนื่องจากของเดิมใช้งบประมาณ 148,200,000 บาท เข้าใจว่าตามแบบแปลนเดิม จะมีจุดพักน้ำที่เรียกว่า อาคารชลศาสตร์ 2 แห่ง ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ที่ยังไม่มีการเปิดเผยว่าตั้งอยู่ตรงจุดไหน กรณีนี้จึงฝากถึงอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ให้ดูในเรื่องรายละเอียดด้วยว่าอาคารชลศาสตร์ มีหรือไม่ หรือว่างบประมาณไม่เพียงพอ ที่รอเป็นค่าเสียหายจากผู้รับจ้างรายเดิม หรือว่ามีการปรับแบบแปลนการก่อสร้างใหม่ไปแล้ว ก็ควรที่จะแจ้งให้ประชาชนทราบ เพราะเชื่อว่าอาคารชลศาสตร์ที่เขียนไว้ในแบบแปลนจะต้องมีประโยชน์ในการบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เป็นไปได้ควรที่จะมีการชี้แจงให้กับพี่น้องประชาชนในทุกชุมชนฟัง ถึงความคืบหน้าต่อการก่อสร้างเป็นระยะ และควรที่จะต้องมีคำตอบว่านอกจากโครงการนี้แล้วในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ก็ยังมีอีก 2 โครงการใหญ่ เป็นโครงการป้องกันตลิ่งจะได้ผู้รับจ้างรายใหม่เมื่อใด เพราะทุกวันนี้ เสาเข็ม เศษหิน กองดิน ยังคงถูกทิ้งให้เป็นหนามแทงใจประชาชนในชุมชนเหมือนเดิม

ด้าน ดร.ฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การติดตามตรวจสอบปัญหาโครงการ 7 ชั่วโคตร ที่ผ่านมา หลังจากได้รับการร้องเรียนจากเครือข่ายธรรมาภิบาล และพี่น้องประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาข้อเท็จจริงทั้ง 8 โครงการไปแล้ว 2-3 ครั้ง รวมทั้งประสานขอข้อมูลทั้ง 8 โครงการ จากกรมโยธาธิการและผังเมืองมาประกอบการพิจารณา เพื่อหาสาเหตุการทิ้งงานและการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมทั้งในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารสัญญา และส่วนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ คาดว่าสรุปผลการดำเนินการตรวจสอบ ส่ง ป.ป.ช.ส่วนกลางราวปลายเดือนพฤษภาคมหรือต้นเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ ทั้งนี้คณะ กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนฯ เป็นอีกองค์กรหนึ่งของฝ่ายนิติบัญญัติ จัดตั้งตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ คณะทำงานเป็นบุคคลจากพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามาทำหน้าที่ร่วมกัน มีหน้าที่ป้องกันปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ โดยมีเป้าหมายสร้างธรรมาภิบาล ให้ความรู้พี่น้องประชาชน รักษาผลประโยชน์ให้ประเทศชาติ ไม่ได้กลั่นแกล้งหรือละเมิดบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ทุกเรื่องที่ตรวจสอบเสร็จ จะสรุปสำนวนส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ อัยการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง อย่างเช่นกรณีตรวจสอบ 8 โครงการถูกผู้รับจ้างทิ้งงาน ที่ประชาชนประณามว่าโครงการ 7 ชั่วโคตรที่ จ.กาฬสินธุ์ ก็จะได้สรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.ส่วนกลางตามลำดับต่อไป
ขณะที่ ว่าที่สมบูรณ์ หัสดม ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับ 8 โครงการของกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่เป็นประเด็นมาตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบันที่ จ.กาฬสินธุ์ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับแจ้งทางออนไลน์จากพี่น้องประชาชน ในส่วนของการได้รับผลกระทบจากการจราจร อุบัติเหตุและฝุ่นละออง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบความเป็นมาของโครงการในเบื้องต้น ทราบว่าเป็นโครงการและงบประมาณที่กรมโยธาฯ ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างกับผู้รับจ้างที่ส่วนกลาง ไม่ได้เป็นงบประมาณของจังหวัดหรือดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างใน จ.กาฬสินธุ์ จึงอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดที่จะเข้าไปตรวจสอบ ส่วนที่ทำได้คือประสานข้อมูลกับสำนักงานโยธาธิการจังหวัด ในการร่วมกันสอดส่องดูแลและรับฟังปัญหา เสนอ ป.ป.ช.ส่วนกลางเท่านั้น ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบข้อมูลหรือรายละเอียดในเชิงลึก ที่ผ่านมาก็เคยไปชี้แจงกับคณะ กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎรแล้ว ทั้งนี้ จากการติดตามความคืบหน้า กรมโยธาธิการและผังเมือง จัดการแก้ไขปัญหาผู้รับจ้างทิ้งงาน 8 โครงการ ที่ชาวบ้านขนานนามให้ว่า 7 ชั่วโคตรนั้น พบว่าได้ผู้รับจ้างรายใหม่เข้ามาทำงานต่อโครงการเดียว คือโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักบรรเทาปัญหาน้ำท่วมเมือง (ส่วนที่เหลือและซ่อมแซมบูรณะส่วนที่ชำรุดบกพร่อง) งบประมาณ 68,034,000 บาท (เดิมงบประมาณ 148,200,000 บาท ผู้รับจ้างรายเดิมเบิกจ่ายไปแล้ว 80,166,000 บาท) ผู้รับจ้างคือ บริษัท สินเจริญสนม จำกัด สัญญาระหว่างเดือน มี.ค. 68-ต.ค. 69 ห้วงระยะเวลาทำงาน 600 วัน ซึ่งได้ลงมือทำงานมาตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. 68 ที่ผ่านมา พบว่าผู้ควบคุมงานและคนงานกำลังเร่งมือทำงานกันอย่างเต็มที่
ด้านแหล่งข่าว สตง. เปิดเผยว่า การตรวจสอบทั้ง 8 โครงการ ขณะนี้ใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว แต่ยังติดอยู่ที่เอกสารของช่างควบคุมงานและการเบิกจ่าย ซึ่ง สตง. ได้ส่งหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร และประสานตรงทางโทรศัพท์มาตลอด ในช่วงสัปดาห์หน้านี้ จะได้เชิญ 2 หจก. ซึ่งเป็นผู้รับจ้างรายเดิมเข้ามาสอบถาม ก่อนที่จะสรุปเพื่อส่งสำนวนการสอบสวนไปยัง ป.ป.ช. ซึ่งหากไม่มา ก็จะมีการส่งหมายไปยัง 2 หจก.นี้ เพื่อเป็นหลักฐานตามขั้นตอนการตรวจสอบก่อนที่จะมีการทำสรุป โดยข้อสรุปเบื้องต้นจะแยกเป็น 2 กรณี คือการเสนอปัญหาที่พบจากการก่อสร้างทั้ง 8 โครงการนี้ ที่จะมีการเรียกเงินคืนที่เป็นมูลทรัพย์ค่าความเสียหาย และการนำเสนอแนวทางการป้องกันปัญหาระหว่างการทำงานของภาครัฐกับผู้รับจ้าง ที่จะเป็นเครื่องมือป้องกันปัญหาการทิ้งงาน ส่งต่อไปยัง สตง.ส่วนกลาง เพื่อส่งเป็นรายงานไปยัง กมธ.ป.ป.ช. และ ป.ป.ช. ที่จะเป็นบรรทัดฐานในการป้องกันปัญหาการก่อสร้างต่อไป.