เมื่อวันที่ 24 เม.ย. นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท การบินไทยฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) โครงการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน กับบริษัท Kansas Modification Center, LLC. (KMC) เพื่อดำเนินธุรกิจดัดแปลงอากาศยานโดยสาร แบบโบอิ้ง 777-300ER เป็นอากาศยานขนส่งสินค้า (Passenger-to-Freighter, P2F) มีนายเจมส์ อัลเลน กิบบส์ (James Allen Gibbs) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KMC เป็นผู้ร่วมลงนาม และมีนายเชิดพันธ์ โชติคุณ ประธานเจ้าหน้าที่สายช่าง บริษัท การบินไทยฯ พร้อมด้วยนายบง ชอล พัค (Bong Chul Park) ประธานบริษัท KMC ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายชาย กล่าวอีกว่า ความร่วมมือครั้งนี้ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในการยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ของประเทศไทยใน 3 มิติหลัก ได้แก่ 1.ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ (Technology-Transfer) การดัดแปลงเครื่องบิน P2F จากผู้เชี่ยวชาญสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ยาก 2.มีการสร้างระบบนิเวศการผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน เพื่อสนับสนุนการดัดแปลงเครื่องบิน P2F ภายใต้ลิขสิทธิ์จากบริษัท KMC และบริษัทพันธมิตรของ KMC และ 3.ช่วยสร้างตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมการบินของไทยกว่า 500 ตำแหน่ง
นายชาย กล่าวต่อว่า นับเป็นก้าวสำคัญของการบินไทย และของประเทศไทยในการขยายศักยภาพด้านการซ่อมบำรุงอากาศยาน เสริมสร้างทักษะ และองค์ความรู้ด้านการดัดแปลงอากาศยาน รวมทั้งยังเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจ และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้บริษัทฯ นอกจากนี้ ยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมการบินให้มีความครบวงจร สร้างรายได้ให้กับหลายภาคส่วนของอุตสาหกรรมซ่อมบำรุงอากาศยาน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะต้องหารือเรื่องรายละเอียดของสัดส่วนการร่วมลงทุนกันต่อไป

ด้านนายบง ชอล พัค กล่าวว่า ภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับการบินไทยในการปรับปรุงเครื่องบินขนส่งสินค้า มั่นใจว่าการร่วมทุนครั้งนี้ จะสร้างมาตรฐานใหม่ด้านการปรับปรุงเครื่องบิน ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมประตูห้องบรรทุกสินค้าด้านหน้า ซึ่งแตกต่างจากมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เน้นรูปแบบประตูสินค้าอยู่บริเวณลำตัวส่วนท้าย แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการถ่ายทอดความรู้ และการพัฒนากำลังคน เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในท้องถิ่น และตอกย้ำสถานะของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการบินแห่งใหม่ด้วย
ขณะที่นายเชิดพันธ์ กล่าวว่า KMC เป็นบริษัทระดับโลก และได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมดัดแปลงอากาศยาน ซึ่งขณะนี้ KMC อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตในการดัดแปลงอากาศยาน สำหรับโบอิ้ง 777-300ER จากองค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (FAA) คาดว่าจะเป็นรายแรกของโลกที่ได้รับใบอนุญาตฯ ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการยกอุตสาหกรรมการดัดแปลงเครื่องบินมาอยู่ในไทย และเป็นรายแรกของอาเซียนที่ดำเนินธุรกิจดัดแปลงอากาศยานโบอิ้ง 777-300ER ซึ่งธุรกิจนี้เป็นความต้องการของตลาดอย่างมาก เพราะการขนส่งสินค้าทางอากาศทั่วโลกกำลังเติบโต ขณะที่เครื่องบินขนส่งสินค้าขาดแคลน
นายเชิดพันธ์ กล่าวอีกว่า ปกติแล้วค่าจ้างในการดัดแปลงอากาศยานมีมูลค่าสูงมาก ประมาณ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อลำ หรือประมาณ 1,500 ล้านบาทต่อลำ ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) อย่างไรก็ตาม หลังจากลงนาม MOU ครั้งนี้ ต้องศึกษารายละเอียดต่างๆ ร่วมกัน และคาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจการดัดแปลงอากาศยานสำหรับโบอิ้ง 777-300ER ได้ตั้งแต่ประมาณไตรมาสที่ 2 ปี 2569 จะเริ่มที่ศูนย์ซ่อมบำรุง ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และมีแผนดำเนินการในพื้นที่บริเวณเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย.