สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ว่า นายฟู่ ชง เอกอัครราชทูตจีนประจำยูเอ็น กล่าวในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) อย่างไม่เป็นทางการ เกี่ยวกับการใช้การข่มขู่ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ว่า การกระทำฝ่ายเดียวกำลังเพิ่มขึ้น และการกลั่นแกล้งเริ่มแพร่หลาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ท้าทายระเบียบระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง ตลอดจนคุกคามสันติภาพและเสถียรภาพของโลก
ฟู่ มุ่งเป้าไปที่สหรัฐโดยตรง โดยกล่าวว่า รัฐบาลที่นำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ทำลายระเบียบเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง ด้วยการกำหนดภาษีต่อคู่ค้า
“We do not provoke trouble, nor are we intimidated by it," Fu Cong, China's UN envoy, stated at the UN Security Council Arria-formula meeting, under the theme of “The Impact of Unilateralism and Bullying Practices on International Relations.” pic.twitter.com/bbXIMVnuLL
— Global Times (@globaltimesnews) April 24, 2025
“ภายใต้ฉากหน้าของการแลกเปลี่ยนตอบแทน และความยุติธรรม สหรัฐกำลังเล่นเกม “ผลรวมเป็นศูนย์” ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว มันคือการบ่อนทำลายระเบียบเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศที่มีอยู่ผ่านภาษี และส่งเสริมผลประโยชน์จากการใช้อำนาจครอบงำ” ฟู่ กล่าวเพิ่มเติม พร้อมกับเสริมว่า การกดดัน การข่มขู่ หรือการแบล็กเมล์ในรูปแบบใดก็ตาม ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในการมีส่วนร่วมกับจีน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตันตอบโต้คำกล่าวหาของฟู่ โดยระบุว่า คำพูดของเขาเป็น “การแสดงท่าที” ที่ขาดความน่าเชื่อถือ
“โลกควรพิจารณาการกระทำของจีน มากกว่าคำกล่าวอ้างที่ว่างเปล่า เมื่อตัดสินการสนับสนุนของจีนต่อระบบระหว่างประเทศ ซึ่งจีนใช้แนวทางปฏิบัติการค้าที่ไม่เป็นธรรมเพียงฝ่ายเดียวมานานเกินไปแล้ว และมันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและคนงานทั่วโลก” นางทิง วู รองที่ปรึกษาทางการเมืองของคณะผู้แทนสหรัฐ กล่าวกับยูเอ็นเอสซี.
เครดิตภาพ : AFP