เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศช่วงใกล้เปิดภาคเรียนใหม่ บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ต่างนำชุดนักเรียน กระเป๋านักเรียน อันเก่าของบุตรหลาน และได้รับบริจาคต่อจากญาติพี่น้อง นำไปซ่อม ปะเย็บแก้ทรง ที่ร้านตัดเย็บเสื้อผ้าในเขตเทศบาลเมืองเบตงกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมไว้ให้บุตรหลานสวมใส่ในช่วงเปิดภาคเรียนที่จะถึงในเดือนหน้านี้ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากบางครอบครัวมีรายได้น้อย ไม่เพียงพอที่จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้บุตรหลาน
โดยเฉพาะชุดนักเรียนใหม่ จะมีราคาแพงเฉลี่ยชุดละตั้งแต่ 200-300 บาทขึ้นไป แต่หากนำชุดนักเรียนเก่ามาซ่อมจะเสียค่าตัดเย็บเพียงตัวละ 20-100 บาทเท่านั้น ซึ่งประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะภาวะปัจจุบันที่มีแต่ของแพง เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง รวมถึงข้าวของเครื่องใช้และสินค้าอุปโภคบริโภคต่างทยอยปรับราคาสูงต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาระค่าครองชีพสูงขึ้นตามไปด้วย แต่รายได้กลับเท่าเดิมและน้อยลงด้วย
ด้าน นางมาริสา ละใบซอ อายุ 60 ปี ช่างตัดเย็บเสื้อผ้าในเขตเทศบาลเมืองเบตง กล่าวว่า ช่วงนี้ได้มีผู้ปกครองนำชุดนักเรียน กระเป๋านักเรียนเก่า รวมทั้งเสื้อพละมาให้ซ่อม ทั้งปะ เย็บ ย่อ ขยาย เปลี่ยนซิปกระเป๋า และแก้ทรงทั้งตัวอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการปักชื่อนักเรียน ปักชื่อสถานศึกษา หลังจากย้ายที่เรียนใหม่ เพื่อเตรียมนำไปให้บุตรหลานสวมใส่ช่วงเปิดภาคเรียน โดยจะคิดค่าซ่อมเพียงตัวละ 20-100 บาทเท่านั้น ส่งผลให้ช่วงนี้มีรายได้ดี เฉลี่ยวันละ 1,000-1,500 บาท จากปกติจะมีรายได้เพียงวันละประมาณ 500-800 บาทเท่านั้น คาดว่าจะมีผู้ปกครองนำชุดนักเรียนมาให้ซ่อมต่อเนื่องไปจนถึงเปิดเทอม
ด้าน นายเกียตติศักร์ แซ่ลี่ ผู้ปกครอง กล่าวว่า ในเดือนหน้าก็จะเปิดเทอมแล้ว ตนมีลูกชาย 2 คน เรียนอยู่ในระดับชั้นประถมและจบในปีนี้ เตรียมตัวขึ้นมัธยม เมื่อคนพี่เรียนจบ ก็นำเสื้อผ้านักเรียนของพี่มาปรับแก้ เพื่อให้น้องได้ใช้ต่อ เพราะเสื้อผ้ากางเกง ยังมีสภาพที่ดีอยู่ และทำการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนรหัส นักเรียนใหม่ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายไปได้บ้าง โดยในการซื้อเสื้อผ้านักเรียนนั้น นิยมซื้อสินค้าที่มีคุณภาพมากกว่าซื้อสินค้าที่ขายในออนไลน์ เพราะคุณภาพต่างกัน และการตัดเย็บไม่ได้รูปทรง สำหรับตน ชุดนักเรียนจะต้องส่งต่อจากพี่สู่น้อง ดังนั้นจึงเน้นการตัดเย็บที่มีคุณภาพมากกว่า.