เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า “วันนี้มีคนถามคำถามเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องหน้ากากอนามัยกับมะเร็งปอดกันเยอะมาก ด้วยความรู้ที่มีในปัจจุบัน ยืนยันว่า “ไม่มีหลักฐานวิชาการแพทย์ที่จะบอกว่าใส่หน้ากากแล้วจะทำให้เป็นมะเร็งปอด” นะครับ ไม่ว่าจะอย่างไร การใส่หน้ากากอนามัยนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกที่ยังมีการแพร่เชื้อติดเชื้อกันอย่างต่อเนื่อง

หน้ากากอนามัยคืออาวุธที่สำคัญที่สุด ควบคู่ไปกับการอยู่ห่างจากคนอื่น การฉีดวัคซีน ช่วยลดโอกาสป่วยรุนแรง ลดโอกาสเสียชีวิตได้ แต่ฉีดแล้วก็ยังติดเชื้อได้ ปริมาณไวรัสในตัวก็พอๆ กับคนไม่ฉีดวัคซีน และสามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ ดังนั้นจึงต้องป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดต่อเนื่องด้วยการใส่หน้ากากและอยู่ห่างจากคนอื่น การเลือกใช้หน้ากากนั้น สถานการณ์เช่นนี้หากเป็นไปได้ก็ควรใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ โดยเลือกซื้อจาก “แหล่งผลิตที่มีมาตรฐาน หีบห่อบรรจุภัณฑ์ดูเรียบร้อยไม่ฉีกขาด” เพื่อป้องกันของที่ไม่ได้คุณภาพ และอาจปนเปื้อนสิ่งแปลกปลอมที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

หากใส่หน้ากากอนามัยแล้ว ลองตรวจดูว่าฟิตกับใบหน้าดีหรือไม่ ต้องไม่มีช่องว่างตรงร่องข้างจมูกทั้งสองข้างและข้างแก้มทั้งสองข้าง หากใส่แล้วยังมีช่องว่างหรือร่องชัดเจน ไม่แนบใบหน้า ก็จำเป็นจะต้องใส่หน้ากากผ้าทับไว้ด้านนอก เพื่อช่วยกดให้หน้ากากอนามัยแนบชิดใบหน้า คนจำนวนมากโครงหน้าเล็ก ทำให้ใส่หน้ากากอนามัยแล้วหลวม ประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ดี

นี่จึงเป็นเหตุผลในการแนะนำให้ใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย ใช้แล้วทิ้ง ไม่ควรใช้ซ้ำ และไม่ควรนำไปซักเพื่อนำมาใช้ซ้ำ แต่หน้ากากผ้าที่ใช้ทับด้านนอกนั้น สามารถซักและนำมาใช้ซ้ำได้ เหล่านี้คือสิ่งที่ควรรู้ และควรปฏิบัติ สำหรับเรื่องหน้ากาก อย่าเชื่อข่าวลือที่ไม่ถูกต้องจนตื่นตระหนก กลัวหน้ากาก จนไม่ใส่ สุดท้ายก็จะติดเชื้อ ป่วย และเสียชีวิตได้ ด้วยรักและห่วงใย”..