เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สวนทุเรียน เพชราภรณ์ ฟาร์ม ตำบลท่านา อำเภอกะปง จังหวัดพังงา นายธีรพงษ์ ตันติพชราภรณ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพังงา และเจ้าของฟาร์มเพชราภรณ์ เข้าดูสวนทุเรียน ในช่วงให้ผลผลิตที่มีอยู่กว่า 10 ไร่ พร้อมให้ข้อมูลสำหรับทุเรียนสาลิกา ในปี 68 นี้ ว่าปริมาณทุเรียนสาลิกา เป็นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองได้รับ GI หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่อำเภอกะปง ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค จนสามารถจำหน่ายในแต่ละปี มียอดจำหน่ายสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ ในพื้นที่


ในปี 2568 นี้ จะมีทุเรียนสาลิกาออกผลผลิตจำนวนกว่า 400 ตัน ในช่วงแรกฤดูกาล ทุเรียนสาลิกามีราคากิโลกรัมละ 300 ถึง 350 บาท สร้างมูลค่าเป็นเม็ดเงินให้กลับจังหวัดพังงาไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยทุเรียนสาลิกาจะให้ผลผลิตแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงแรก ในปลายเดือนเมษายน ต่อมาออกผลผลิตในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม และช่วงสุดท้ายคือต้นเดือนมิถุนายน ส่วนใหญ่ผู้บริโภค นิยมซื้อไปรับประทานในช่วงกลางดือนพฤษภาคม


นอกจากนี้ยังมีการแนะนำ วิธีดูทุเรียนสาลิกาที่พร้อมรับประทาน ซึ่งจะมีรสชาติอร่อย ให้สังเกตที่ความอวบอิ่มของขั้วทุเรียน นอกจากนี้ ยังมีการแจ้งเตือนเกษตรกรเจ้าของสวนทุเรียนสาลิกา ไม่ให้นำทุเรียนอ่อนออกมาวางจำหน่าย ซึ่งเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค

โดยนายธีรพงษ์ ตันติเพชราภรณ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพังงา กล่าวว่า สำหรับในปี 68 นี้ ทุเรียนสลิกา จะมีผลผลิตออกประมาณ 400 ตัน ในราคากิโลกรัมละ 300 ถึง 350 บาท สร้างมูลค่าให้กับเกษตรกร เจ้าของสวนทุเรียน ประมาณไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เนื่องจากทุเรียนสาลิกาที่ผ่านมา มีรสชาติดี คุณภาพดี ส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในพื้นที่จังหวัดพังงา ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค ไม่นำทุเรียนอ่อนออกวางจำหน่าย มีการรับประกันสินค้าอย่างยุติธรรม ทำให้เกิดความเชื่อถือและเชื่อมั่นของผู้บริโภค