สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ว่า นับตั้งแต่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่สอง เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา เขาก็กำหนดภาษีสินค้านำเข้า 10% กับคู่ค้าของสหรัฐส่วนใหญ่ และเรียกเก็บภาษีสินค้านำจากจีนหลายรายการ ในอัตราสูงถึง 145%

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้รัฐบาลปักกิ่งตอบโต้ด้วยการกำหนดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ในอัตรา 125% ขณะที่หลายประเทศต้องหาทางบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลวอชิงตัน และหลีกเลี่ยงอัตราภาษีที่สูงกว่าสำหรับประเทศนั้น ๆ ภายในเส้นตาย 90 วัน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือน ก.ค. นี้

ด้านเบสเซนต์ กล่าวว่า นโยบายภาษีของทรัมป์ ถือเป็นมาตรการลงโทษ และความไม่แน่นอนเชิงกลยุทธ์ เกิดจากการที่ไม่บอกอีกฝ่ายว่ารัฐบาลวอชิงตันจะดำเนินการถึงจุดไหน ส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ มาหาสหรัฐ ยกเลิกภาษี กำจัดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็จะเจรจากัน

แม้ทรัมป์กล่าวว่า เขามีข้อตกลงหลายฉบับที่อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่รายละเอียดกลับมีไม่มากนัก ซึ่งเบสเซนต์หลบเลี่ยงการชี้แจงในประเด็นข้างต้น โดยกล่าวเพียงว่า การเจรจาบางส่วน “ดำเนินไปได้ด้วยดี” โดยเฉพาะกับประเทศในเอเชีย

จนถึงขณะนี้ รัฐบาลวอชิงตันให้ความสำคัญในการหารือกับประเทศพันธมิตรหลัก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสวิตเซอร์แลนด์.

เครดิตภาพ : AFP