เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 พ.ค. 68 ที่ บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.บางซื่อ เจ้าหน้าที่ ปภ. เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ รศ.ดร.กิจพัฒน์ ภู่วรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโครงสร้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ร่วมกันประชุมวางแผนหารือการเข้าพื้นที่ก่อสร้าง เพื่อรวบรวมเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุสำหรับนำประกอบสำนวนคดีตึก สตง. ถล่ม จากนั้นจึงเข้าพื้นที่พร้อมกัน โดยในระหว่างการเข้าเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนและหน่วยงานเกี่ยวข้อง เข้าร่วมสังเกตการณ์เป็นสักขีพยาน 

คณะพนักงานสอบสวนคดีตึก สตง. ถล่ม ให้ข้อมูลว่า ในการลงพื้นที่เข้าเก็บรวบรวมพยานหลักฐานจากที่เกิดเหตุในวันนี้ ถือเป็นปฏิบัติภารกิจดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องของทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจ ดีเอสไอ พฐ. โยธาธิการและผังเมือง เจ้าหน้าที่ ปภ. โดยในวันนี้ทั้งหมดได้ร่วมกันเก็บชิ้นส่วนตัวอย่างเสาคอนกรีตด้านหน้าอาคารไปตรวจสอบ ด้วยการเจาะแท่งปูนเสาดังกล่าว และผนังปล่องลิฟต์ธรรมดา (ไม่ใช่ผนังปล่องลิฟต์ผู้บริหาร) โดยจะไม่ได้มีการเจาะลึกมากเกินไป เพราะต้องคืนสภาพของเสาปูนและผนังปูนให้พื้นที่ไว้ ซึ่งในการตรวจเก็บตัวอย่างเสาปูนและผนังปูนนั้น เจ้าหน้าที่จะพยายามเก็บตัวอย่างที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดอย่างน้อย 3 ชิ้น หรือมากกว่านั้น โดยต้องวัดขนาดความสูงประมาณ 20-30 ซม. และมีค่าเส้นผ่านศูนย์กลาง 7 ซม. เพื่อนำไปเข้าห้องแล็บหาค่ากำลังอัดประลัยของคอนกรีตสำหรับโครงสร้าง โดยมีเกณฑ์มาตรฐาน ดังนี้ ทั้งเสาปูนและผนังปูน จะต้องมีค่ากำลังอัดประลัยอยู่ที่ 500 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร ซึ่งหากทดสอบแล้วมีค่าน้อยกว่า 500 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร จะถือว่ามีการใช้วัสดุตกเกณฑ์มาตรฐาน

คณะพนักงานสอบสวนคดีตึก สตง. ถล่ม เผยอีกว่า สำหรับการเข้าตรวจเก็บพยานวัตถุในจุดเกิดเหตุ ทั้งคอริ่งบริเวณเสาปูน ผนังปล่องลิฟต์ และเหล็กนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดีเอสไอ ปภ. พฐ. จะดำเนินการอายัดไว้ทั้งหมดระหว่างการรื้อถอน เพื่อป้องกันการถูกทำลาย ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ค.) เวลา 11.00 น. คณะพนักงานสอบสวนคดีตึก สตง. จะได้มีการประชุมความคืบหน้าร่วมกันที่กองอำนวยการร่วม เพื่อสรุปตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายต่อไปขณะที่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและผู้เชี่ยวชาญจากหลายหน่วยงาน ยังคงระดมกำลังค้นหาผู้ติดค้าง ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่บริเวณชั้นใต้ดินของซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เบื้องต้นมีการใช้เครื่องจักรและแก๊สในการตัดเหล็กอย่างต่อเนื่อง

ด้าน นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สปภ.กทม. เปิดเผยความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหาย ว่า วานนี้ (2 พ.ค.) เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิต 3 ร่างในสภาพสมบูรณ์ ระบุเพศได้ 1 ร่าง เป็นหญิง 1 ร่าง ไม่สามารถระบุได้ 2 ร่าง และยังพบชิ้นส่วนมนุษย์เพิ่มอีก 22 ชิ้น ส่วนการปฏิบัติภารกิจที่ทำการค้นหาบริเวณทางเชื่อมที่คาดว่าผู้ประสบภัยจะวิ่งออกจากชั้น 1 แล้วมุ่งหน้าไปยังด้านหลังฝั่งอาคารจอดรถ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังลงไปไม่ถึงด้านล่างตรงจุดดังกล่าว โดยยังต้องเจาะพื้นลงไปอีก 2 เมตร เนื่องจากชั้นใต้ดินมีความสูง 4 เมตร ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถเจาะลึกลงไปได้เพียง 2 เมตรเท่านั้น โดยคาดการณ์ว่าด้านล่างจะเป็นทางเชื่อมกันระหว่างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินกับลานจอดรถ แต่ด้วยลักษณะการเกิดเหตุอาคารถล่ม ได้กดทับลงมายังพื้นด้านล่าง จึงทำให้ชั้นที่ 1 จะสูงห่างจากชั้นใต้ดินไม่เกิน 1 เมตร หรืออาจจะสูงเพียงครึ่งเมตร โดยในจุดนี้จากการประเมินของเจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าจะมีผู้ประสบภัยเพิ่มเติม นอกจากนี้ สำหรับจำนวนผู้ประสบภัยจาก 103 คน ซึ่งพบแล้วเสียชีวิต 83 คน บาดเจ็บ 9 คน ก็ยังคงเหลือผู้ประสบภัยที่อยู่ระหว่างการค้นหาอีก 11 คน โดยเมื่อวาน (2 พ.ค.) เจ้าหน้าที่พบเพิ่มอีก 3 คน ก็จะเท่ากับตอนนี้เหลือผู้สูญหาย 8 คน ที่อยู่ระหว่างทำการค้นหา แต่เมื่อนำข้อมูลไปเปรียบเทียบกับการรับแจ้งความจากพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ว่า ได้รับแจ้งเพิ่มเติมตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค. เพิ่มจำนวน 4 คน ซึ่งก็ทำการค้นหาจนพบ โดยตัวเลขทั้งหมดอาจมี 104 คน หรือมากกว่านั้น จึงทำให้ปฏิบัติการค้นหาต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถยุติการค้นหาต่อไปได้ แม้จะพบร่างจำนวนคนที่สูญหายตามตัวเลขทั้งหมดแล้วก็ตาม เพราะหากยกเลิกภารกิจก็มีความเสี่ยงที่ต้องทิ้งผู้สูญหายเอาไว้ โดยเป้าหมายของเจ้าหน้าที่ทุกคนคือการช่วยเหลือนำทุกคนที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารออกให้หมด เพื่อส่งมอบร่างให้กับญาติ จึงยืนยันว่าจะยังไม่หยุดปฏิบัติการ จนกว่าจะเข้าเคลียร์ได้ทุกพื้นที่ ซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 1 สัปดาห์ 

ส่วนการขนย้ายซากอาคารเมื่อวานที่ผ่านมา (2 พ.ค.) ขนย้ายซากอาคาร สตง. จำนวน 204 เที่ยว โดยจุดที่ทิ้งซากอาคารได้มีการตรวจซ้ำต่อวันจำนวน 2 รอบ คือ เช้าและเย็น ใช้สุนัข k9 ทำการค้นหา และช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็ได้พบชิ้นส่วนมนุษย์เพิ่ม จำนวน 2 ชิ้น และช่วงเย็นของเมื่อวานพบ 2 ชิ้น รวมชิ้นส่วนที่หลุดไป 4 ชิ้น ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่อยู่ใน 22 ชิ้น ที่แจ้งให้ทราบไปก่อนหน้านี้.