ต่อมา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เร่งพัฒนา ระบบ Cell Broadcast ซึ่งเป็นระบบที่ใช้วิธีการส่งข้อความแจ้งเตือนภัยไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกเครื่องผ่านเครือข่ายเซลลูลาร์ของระบบโทรคมนาคมในระยะเวลาสั้น โดยไม่ต้องทราบหมายเลขโทรศัพท์ของผู้รับและไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า เพื่อยกระดับการแจ้งเตือนประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติและอุบัติภัยขึ้น
ซึ่ง ปภ.ได้ทำการทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยไปแล้ว 2 ครั้งคือวันที่ 2 พ.ค. เป็นการทดสอบระดับเล็ก ส่งแจ้งเตือนเฉพาะพื้นที่ 5 จังหวัดเชียงราย อุบลราชธานี สุพรรณบุรี สงขลา และอาคารศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคาร A และอาคาร B ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร และวันที่ 7 พ.ค. แจ้งเตือน ระดับกลางในระดับอำเภอ/เขต 5 พื้นที่เดิม และครั้งสุดท้ายวันที่ 13 พ.ค. แจ้งเตือนระดับกลาง จังหวัด 5 พื้นที่

น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยถึงการทดสอบระบบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast ในพื้นที่ กทม. ว่า ในวันที่ 13 พ.ค.นี้ จะเป็นการทดสอบแจ้งเตือนในระดับจังหวัด ซึ่ง กทม.จะครอบคลุมทั้ง 50 เขต โดยจะนำข้อมูลหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในการทดสอบครั้งที่ผ่านมาแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปรับใช้ในวันที่ทดสอบระบบทั่วจังหวัดอีกครั้ง เนื่องจากในบางพื้นที่ต่างจังหวัดพบว่าได้รับข้อความล่าช้า หากเป็นภัยบางภัยก็อาจจะมีความหมายบางอย่าง แต่เนื่องจากสัญญาณใน กทม. ค่อนข้างดี จึงคิดว่าในส่วนของ กทม.นั้นไม่น่าจะมีพื้นที่ที่ไม่ได้รับการแจ้งเตือน แต่ทั้งนี้ก่อนการทดสอบครั้งต่อไป จะมีการสอบถามไปยังทีมเทคนิคว่าในแง่ของ infrastructure ด้านเครือข่ายหรือการส่งสัญญาณ มีจุดใดใน กทม.ที่มีความเป็นห่วงมากเป็นพิเศษหรือมีข้อกังวลหรือไม่
ส่วน กทม.จะมีการดำเนินงานเพิ่มเติมด้านการแจ้งเตือนระบบเตือนภัย Cell Broadcast อย่างไรนั้น รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า เนื่องจากผู้ว่าฯ กทม.ให้จัดทำ scenario คือเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยกำหนดประเภทสาธารณภัยไว้ จำนวน 9 ภัย ได้แก่ 1.ภัยจากคมนาคม 2.อัคคีภัย 3.สารเคมีและวัตถุอันตราย 4.แผ่นดินไหวและอาคารถล่ม 5.อุทกภัย 6.ภัยแล้ง 7.มลพิษทางอากาศประเภท PM 2.5 8.โรคระบาดและโรคติดต่อ และ 9.วาตภัย จากนั้นจะมีการทำแผนที่ความเสี่ยงทั้งหมดเพื่อที่จะแก้ปัญหาได้ตรงจุด

“จากนี้เราต้องมีการทบทวนใหม่ทั้งหมด โดยการนำเรื่องของระบบ Cell Broadcast เข้าไปอยู่ในแผนปฏิบัติการทั้งหมดในขั้นตอนของการเตือนและแจ้ง รวมถึงนำเอาแผนปฏิบัติการในเชิงพื้นที่ทั้งหมดมาสวมเข้ากับระบบเตือนภัยนี้ แต่ในบางประเภทภัยนั้นข้อมูลไม่ได้อยู่ที่ กทม. จึงต้องมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นด้วย คงต้องมีการจัดการให้เรียบร้อย เพื่อให้ระบบสามารถใช้ได้กับทุกเรื่อง จริง ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เมื่อแจ้งเตือนแล้ว ต้องมีระบบบริหารจัดการมารองรับ เพราะไม่อย่างนั้นเราจะไปทำให้เกิดความวุ่นวายมากกว่าเดิม ดังนั้นนอกจากการวิเคราะห์ความเสี่ยงแล้ว เราก็ต้องเตรียมความพร้อมด้วย และเปิดข้อมูลให้ประชาชนรับทราบเพื่อที่เราจะได้ขยับไปพร้อมกัน”

รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเพิ่มในเรื่องของการฝึกซ้อมสาธารณภัยในพื้นที่ กทม. ว่า ปีนี้ กทม.จะดำเนินการซ้อมสาธารณภัยระดับ 2 โดยจะเป็นการซ้อมกู้ภัยทางน้ำ ซึ่งการซ้อมสาธารณภัยในระดับนี้จะเป็นการซ้อมที่ใช้อำนาจผู้ว่าฯ กทม.ในการบัญชาการเหตุการณ์ จะต้องมีการระดมทรัพยากรจากหลายเขต ขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกแบบสถานการณ์เพื่อฝึกซ้อม ส่วนจะทดสอบไปถึงระดับการเตือนภัย Cell Broadcast เฉพาะวันที่ทำการฝึกซ้อมด้วยหรือไม่นั้น จะมีการหารือและออกแบบอีกครั้งหนึ่ง.