เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 68 นางจรรยา ทิพนัส อายุ 41 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 8 ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เข้าร้องเรียนสื่อมวลชน พร้อมโชว์เอกสารคำพิพากษาคดีของศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ที่ตนเองเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคู่กรณี ที่ในขณะนั้น ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แต่กลับมาทำรั้วกั้นปิดทางสาธารณะที่เป็นทางเข้าออกบ้านของตน จนไม่สามารถขับรถเข้าและออกได้ นำไปสู่การเดินหน้าร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ และฟ้องร้องคดีเข้าสู่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีการต่อสู้คดีกันมาอย่างยาวนานกว่า 4 ปี กระทั่ง เมื่อเดือน ก.ค. 67 ศาลอุทธรณ์ ภาค 7 ได้มีคำพิพากษาให้ตนเองเป็นฝ่ายชนะคดี พร้อมมีคำสั่งสาลให้คู่กรณีดำเนินการรื้อถอนรั้วที่ใช้ปิดกั้นถนนทางเข้าออกให้เรียบร้อย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดำเนินการคืนผิวถนนที่มีความยาว 200 เมตร ให้กลับสู่สภาพปกติเหมือนอย่างในอดีตที่ชาวบ้านเคยใช้สัญจรไปมา


นางจรรยา กล่าวว่า หลังศาลอุทธรณ์ ภาค 7 มีคำพิพากษาออกมาแล้ว ทางคู่กรณี ก็ไม่ได้มีการยื่นฎีกาแต่อย่างใด ทำให้คดีสิ้นสุด และทางคู่กรณี ได้มีการรื้อถอนรั้วที่ปิดกั้นถนนสาธารณะออก แต่กลับยังไม่มีการปรับปรุงผิวถนนให้รถสามารถสัญจรไปมาได้ตามปกติ แม้ตนเองจะเคยทวงถามเรื่องดังกล่าวไปยังหน่วยงานท้องถิ่นที่รับปากว่าจะเข้ามาดำเนินการปรับปรุงผิวถนนให้ แต่เวลาผ่านล่วงเลยมานานกว่า 10 เดือน กลับยังไม่มีการเข้ามาดำเนินการใดๆ ตนจึงต้องขอความช่วยเหลือให้สื่อมวลชนช่วยเป็นกระบอกเสียง ทวงถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเข้ามาปรับปรุงและคืนผิวถนนให้กับตนเอง เพื่อที่ในอนาคต หากตนไม่อยู่แล้ว ลูกหลานที่อาศัยอยู่ที่นี่ จะสามารถใช้ถนนเส้นนี้สัญจรไปมาได้อย่างเป็นปกติ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลศรีมงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อพูดคุยกับ นายธนทัต ฉ่ำเกตุ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีมงคล ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยนายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีมงคล ได้กล่าวว่า หลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้คู่กรณีเปิดรั้วกั้นและคืนถนนสาธารณะให้กับนางจรรยานั้น ตนเองพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของ อบต. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรไทรโยค เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอไทรโยคและกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ได้เดินทางเข้าไปดำเนินการพูดคุยกับคู่กรณีของนางจรรยา จนยินยอมรื้อถอนรั้วและเปิดถนนสาธารณะคืนให้ ซึ่งตนเองก็เข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวจบลงด้วยดีแล้ว จึงไม่ได้เข้าไปดำเนินการใดๆ อีก แต่หลังจากทราบเรื่องแล้ว ในวันนี้จะได้เร่งสั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการใช้เครื่องจักรปรับพื้นผิวถนนและเคลียร์สิ่งกีดขวาง ให้รถสามารถสัญจรไปมาได้ตามปกติโดยเร็วที่สุดและให้ชาวบ้านทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างไม่มีความขัดแย้งกันต่อไป.