เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ จ.นครพนม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่ามกลางวิกฤติราคาข้าวเปลือกตกต่ำ โดยล่าสุดราคาขายอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 5 บาท ถือว่าต่ำสุดในรอบหลายปี ส่งผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกรชาวนา ประสบปัญหาขาดทุนในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว นอกจากจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาด และตกงาน ยังได้รับผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำ สร้างความเดือดร้อน ซึ่งชาวนาบางรายไม่สามารถที่จะกักตุนไว้ขายได้ ต้องยอมขายขาดทุน

ทางด้านเกษตรกรชาวนาบ้านโปร่ง ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม ได้นำอาชีพภูมิปัญญาชาวบ้าน มาแก้วิกฤติราคาข้าวเปลือกตกต่ำ โดยรับซื้อข้าวเปลือก ข้าวเหนียว มาแปรรูปทำข้าวเม่า ซึ่งเป็นอาชีพภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบสานกันมาแต่อดีต เป็นการเพิ่มมูลค่า จากปกติราคาข้าวเปลือกกิโลกรัมละประมาณ 5 บาท สามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ในราคากิโลกรัมละ ประมาณ 10 บาท ที่สำคัญหากมีการแปรรูปเพิ่มมูลค่าเป็นข่าวเม่า สามารถขายได้ในกิโลกรัมละประมาณ 80 -100 บาท ทำให้เกษตรกรชาวบ้านโปร่ง สามารถพลิกวิกฤติ สร้างรายได้วันละนับแสนบาท อีกทั้งยังสามารถช่วยเหลือเกษตรกรสามารถขายราคาข้าวเปลือกได้เพิ่มขึ้น

ด้านนางสุนาต กุมลา อายุ 40 ปี เกษตรกรกลุ่มผลิตข้าวเม่า ชาวบ้านโปร่ง กล่าวว่า สำหรับอาชีพทำข้าวเม่าเป็นอาชีพภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่สืบทอดมาแต่โบราณ กว่า 30 ปี จึงยึดถือทำเป็นอาชีพมาแต่อดีต ตั้งแต่ทำกินเองในครอบครัว จนมีการพัฒนาต่อยอดผลิตข้าวเม่าขายเพิ่มมูลค่า โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติข้าวเปลือกตกต่ำ ตนเชื่อว่าสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้เป็นอย่างดี ยิ่งปีนี้ราคาข้าวตกต่ำปีตกกิโลกรัมละประมาณ 5 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ขาดทุน แต่ตนในฐานะกลุ่มแปรรูปข้าวเม่า ช่วยพยุงราคาช่วยเกษตรกร รับซื้อข้าวเหนียว ในราคาประมาณกิโลกรัมละ 10 บาท ลดปัญหาการขาดทุน ส่วนข้าวเปลือกที่รับซื้อจะเป็นข้าวเหนียว และรับซื้อข้าวที่ไม่แก่เกินไป ต้องอยู่ในช่วงข้าวน้ำนม อายุประมาณ 3 เดือน เพราะเป็นช่วงที่เหมาะในการทำข้าวเม่า เนื่องจากต้นตำหรับข้าวเม่าแท้จะต้องทำจากข้าวน้ำนม จะมีความหอม อร่อย ได้ข้าวเม่าแท้แบบภูมิปัญญาชาวบ้าน

ขณะที่นางสุนาต กุมลา อายุ 40 ปี กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการทำข้าวเม่า หลังรับซื้อข้าวเปลือก ข้าวเหนียว ที่เป็นข้าวน้ำนม มาคัดข้าวที่ไม่มีคุณภาพออกโดยการนำมาแช่น้ำ จากนั้นนำมาคั่วใส่กระทะขนาดใหญ่ ให้สุก และเกิดความหอม ประมาณ 20-30 นาที ก่อนนำมาผึ่งให้เย็น แล้วนำไปเข้าเครื่องสีกะเทาะเปลือกเอาแกลบออก และนำไปตำด้วยครกกระเดื่อง ให้เกิดความนุ่ม ตามแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน ก่อนนำไปขายในราคากิโลกรัมละประมาณ 80-100 บาท สามารถเพิ่มมูลค่าได้เป็นอย่างดี

นางสุนาต กล่าวต่อว่า ที่สำคัญในช่วงโควิดระบาดได้มีการปรับรูปแบบการบรรจุ ส่งขายทางออนไลน์ บรรจุแพ็กเกจซีลสุญญากาศ สามารถเก็บไว้ได้นานหลายเดือน และคงความหอมอร่อยได้นาน ส่ามารถส่งขายได้ทั่วประเทศ ปัจจุบันมีออร์เดอร์ส่งถึงเมืองนอก ปัจจุบันสามารถผลิตได้วันละประมาณ 1 ตัน ทำเงินได้วันละนับแสนบาท ส่วนใหญ่เมนูจะนำไปทำของหวานและกินสด และยังสามารถช่วยเหลือเกษตรกรทำนาได้อีกด้วย ใครสนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่ โทร. 08-6222-4842