เมื่อวันที่ 16 พ.ค. นายแพทย์ เอ๊า วัน เค่ ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาล จากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์แห่งนครโฮจิมินห์ (สาขา 3) ประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ทางโรงพยาบาลได้รับผู้ป่วยที่มีอาการ เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ (Bell’s palsy หรือภาวะหน้าเบี้ยว) เข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างล่าสุดคือ ผู้ป่วยหญิงอายุ 30 ปี ที่มาโรงพยาบาลด้วยอาการใบหน้าด้านขวาเป็นอัมพาต ปากเบี้ยว และตาข้างขวาหลับไม่สนิท ผู้ป่วยให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์ ตื่นเช้ามาก็พบว่าปากเบี้ยว จึงไปรับการนวดที่คลินิกแห่งหนึ่ง แต่หลังจาก 2 สัปดาห์อาการไม่ดีขึ้นจึงมาโรงพยาบาล ผลการตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อพบว่า เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ด้านขวาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง หลังจากการรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันและแผนโบราณร่วมกันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นประมาณ 80%
นายแพทย์ เอ๊า วัน เค่ อธิบายว่า สาเหตุหลักของภาวะหน้าเบี้ยว มักเกิดจาก ลมเย็น, ฝนตกกะทันหัน ทำให้หลอดเลือดหดตัว เลือดไหลเวียนไปยังเส้นประสาทใบหน้าลดลง หรือเกิดจากการ กลับมาทำงานของเชื้อไวรัส ที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย เช่น เริม (HSV-1) และงูสวัด เมื่อร่างกายอ่อนแอ นอกจากนี้ โรคประจำตัว เช่น ความผิดปกติของการเผาผลาญ, ความดันโลหิตสูง และการไหลเวียนโลหิตไม่ดี ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงได้เช่นกัน
ในทางการแพทย์แผนโบราณ ภาวะนี้เรียกว่า “ขู่ เหยี่ยน วา เฉีย” (口眼喎斜) มักเกิดจากลมเย็นและความชื้นแทรกซึม ทำให้เลือดลมบริเวณใบหน้าติดขัด
นายแพทย์ เอ๊า วัน เค่ กล่าวว่า มีสัญญาณเตือนเบื้องต้นที่สังเกตได้ เช่น ปากเบี้ยว, ร่องแก้มเบี้ยว, รอยย่นหน้าผากหายไป, ตาข้างที่อ่อนแรงหลับไม่สนิท, ทานอาหารลำบาก น้ำไหลออกจากปาก และอาจมีอาการ ปวดหู หรือ หูอื้อ ร่วมด้วยหากเกิดจากเชื้อไวรัส
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง เช่น กล้ามเนื้อใบหน้าหดเกร็ง, สูญเสียความรู้สึกบริเวณใบหน้า และส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ
เพื่อป้องกันภาวะดังกล่าว ควร รักษาความอบอุ่นบริเวณศีรษะ ใบหน้า และลำคอ เมื่อต้องออกไปข้างนอก, อาบน้ำดึก หรือใช้เครื่องปรับอากาศ หลีกเลี่ยงการนั่งโดยตรงหน้าพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ รีบไปพบแพทย์ หากมีอาการปากเบี้ยวหรือตาหลับไม่สนิท และ หลีกเลี่ยงการนวดด้วยตนเอง หากยังไม่ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
“ภาวะหน้าเบี้ยวไม่ได้เป็นเพียงปัญหาด้านความงามเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและคุณภาพชีวิต เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน อย่าประมาทสัญญาณเล็กๆ น้อยๆ บนใบหน้า” นายแพทย์ เอ๊า วัน เค่ กล่าวเตือน