วันนี้ (16พ.ค.68) น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าเทศบาลตำบลหลักหก จ.ปทุมธานี ได้รายงานผลดำเนินการเกี่ยวกับการออกคำสั่งห้ามใช้อาคารหอพัก Chareeya Residence โดยเจ้าของหอพักได้เซ็นรับทราบเอกสารดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เป็นผลหลังจากตนได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายและแนวทางการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนของผู้บริโภค จากการทําสัญญาเช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยกับผู้ประกอบธุรกิจ Chareeya Residence เมื่อวันที่ 15 พ.ค.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมสรรพากร สํานักงานตํารวจแห่งชาติ กรมการปกครอง จังหวัดปทุมธานี สํานักงานสรรพากรพื้นที่ปทุมธานี 1 เทศบาลตําบลหลักหก และตำรวจสถานีตํารวจภูธรปากคลองรังสิต เข้าร่วมด้วย

โดยที่ประชุมได้ติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายหลังที่มีการลงพื้นที่ตรวจสอบและบูรณาการความร่วมมือจากทุกฝ่าย เมื่อคราวการประชุมที่ สคบ. วันที่ 7 พ.ค.68 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

(1) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้รายงานผลการเปรียบเทียบปรับจากการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มีหนังสือเรียกให้มาให้ถ้อยคำ แต่ปรากฏว่าผู้ประกอบธุรกิจไม่มาตามหนังสือเรียก ถือว่าเป็นความผิดที่ สคบ. สามารถเปรียบเทียบความผิดได้ ซึ่งหากไม่มาชำระค่าปรับ ก็จะแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนต่อไป ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งที่เกิดจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญาของผู้ให้เช่า สคบ. ได้นำเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภค และนำเสนอคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อพิจารณามีมติดำเนินคดีแพ่งแทนผู้บริโภคต่อไป

(2) เทศบาลตำบลหลักหก ตรวจสอบพบว่าหอพักดังกล่าวไม่ได้ขออนุญาตเป็นหอพัก มีการใช้ผิดประเภท และได้รายงานถึงการออกคำสั่งห้ามใช้อาคารว่าจะเร่งดำเนินการภายในวันที่ 16 พ.ค.68 และในระยะยาว จะบูรณาการหน่วยงานภายใต้เทศบาลตำบลหลักหกในการลงพื้นที่ตรวจอาคารต่างๆ ในเชิงรุก เพื่อดูว่าได้ก่อสร้างและใช้งานตามที่ขออนุญาตไว้หรือไม่

(3) กรมสรรพากรและสำนักงานสรรพากรพื้นที่ปทุมธานี 1 ได้ดำเนินการรวบพยานหลักฐานกรณีการเสียภาษีเงินได้ของผู้ประกอบธุรกิจให้เช่าห้องพักแล้ว รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอเอกสารประกอบการพิจารณาตามกฎหมายต่อไป

(4) กรมการปกครอง มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยโรงแรม จะไปดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบการประกอบธุรกิจของหอพักดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นโรงแรมหรือไม่ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที จังหวัดปทุมธานีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดไปดำเนินการตรวจสอบการประกอบธุรกิจหอพักในปทุมธานีว่า ได้รับอนุญาตเป็นหอพักถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

(5) สถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต ได้รายงานผลการดำเนินคดีจากการร้องทุกข์ของผู้เสียหาย จากการกระทำของผู้ประกอบธุรกิจรายนี้ ปัจจุบันมีการมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนคดีที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

(6) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งรับผิดชอบกฎหมายว่าด้วยหอพัก ได้มีการมอบอำนาจให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นเป็นนายทะเบียน ในการอนุญาตให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ยื่นประกอบธุรกิจหอพัก ได้แจ้งว่าปัจจุบันได้มีการทบทวนกฎหมายว่าด้วยหอพัก เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพสร้างความเป็นธรรม ทั้งผู้ประกอบธุรกิจและผู้บริโภค รวมถึงสอดคล้องกับสภาพการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน

“หลังจากตรวจสอบพบว่า หอพักดังย่านรังสิตดังกล่าว ไม่ได้ขออนุญาตประกอบการเป็นหอพักและมีการใช้ผิดประเภท รวมถึงมีการต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงมีคำสั่งให้ห้ามใช้อาคารแล้ว โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานกับมหาวิทยาลัยรังสิต จัดหาหอพักให้กับนักเรียน นักศึกษาที่ต้องย้ายออก และ สคบ. จะบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลให้น้องๆ ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องการคืนเงินค่าเช่า และเงินประกัน“ น.ส.จิราพร กล่าว