เมื่อวันที่ 17 พ.ค.68 นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้หวังดีไม่ประสงค์ออกนาม ทาง Facebook ว่ามีกลุ่มนำเที่ยวพานักท่องเที่ยวเดินป่าไปท่องเที่ยวที่เขาพระอินทร์ ฝั่งประเทศเมียนมา ในช่วงวันที่ 12 – 16 เม.ย.68 (จำนวน 4 คืน 5 วัน) โดยจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินป่าอยู่ที่บริเวณสันอ่างเก็บน้ำบ้านป่าแดง ไปทางด้านหลังอ่างเก็บน้ำบ้านป่าแดง ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ถึงชายแดนประเทศเมียนมา จากนั้นเดินต่อไปฝั่งประเทศเมียนมาร์อีกระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร จะถึงเขาพระอินทร์

ต่อมาวันที่ 16 -17 พ.ค.68 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นำโดย นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายญาณ อ้วนสิงห์ และ นายฉลอง ทองสงฆ์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจส่วนกลางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอแก่งกระจาน นำโดย นายคณิน ทองก้อน ปลัดอำเภอแก่งกระจาน เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ทัพพระยาเสือ นำโดย จ.ส.อ. อุกฤษฏ์กานต์ อินต๊ะรัตน์ เจ้าหน้าที่ทหาร กองร้อยฝึกรบพิเศษที่ 1 นำโดย ร.อ.อดิศร นารมย์ และ ร.ท. สิทธิชัย มาลี ได้ร่วมกันตรวจสอบ บริเวณเส้นทางเดินป่าหลังอ่างเก็บน้ำบ้านป่าแดง ตำบลป่าเด็ง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และบันทึกถ้อยคำชาวบ้านที่ได้รับการว่าจ้างให้นำทาง 2 คน ซึ่งเป็นผู้ร่วมเดินนำทางพานักท่องเที่ยวไป ทั้งสองรายให้การรับสารภาพและยินยอมให้คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ปรับทางพินัย ส่วนชาวบ้านกระเหรี่ยงอีกสองราย ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้เดินป่าไปในเขตหวงห้ามจริง แต่ไม่ได้เป็นคนจัดทริปท่องเที่ยวแต่อย่างใด เป็นคนที่ใช้ชีวิตเป็นปกติอยู่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว เป็นคนชำนาญพื้นที่และยินดีช่วยเหลือทางราชการ


คณะเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อนายโตโต้ ซึ่งมีประกาศทาง Facebook ในการรับจัดทริปพานักท่องเที่ยวไปเดินป่าเขาพระอินทร์ ที่ประเทศเมียนมา วันที่ 12–16 เม.ย.68 โดยนายโตโต้ รับสารภาพว่ามีจัดทริปพานักท่องเที่ยวไปเดินป่าเขาพระอินทร์จริง แต่ไม่ได้ไปจริง เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวมาสมัครไม่ถึงยอดที่รับสมัคร จึงได้ยกเลิกทริปการท่องเที่ยวนี้ไป และเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทราบว่า การจัดทริปท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้

อย่างไรก็ตามคณะเจ้าหน้าที่กลับตรวจสอบพบว่า ทริปที่ไปเดินป่าในเขตหวงห้ามนี้ พบว่ามี นายอาลี เป็นคนนำพานักท่องเที่ยว 7 คน ไปเดินป่าเที่ยวเขตหวงห้าม วันที่ 12-16 เม.ย.68 โดยมีรายชื่อนักท่องเที่ยว 8 ราย คณะเจ้าหน้าที่ จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำผิด 1. พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ฐาน มาตรา 19 (6) เข้าไปดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อหาผลประโยชน์ ประกอบมาตรา 44 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 20 บุคคลซึ่งเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้สั่งให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด ประกอบมาตรา 47 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

2. พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ฐาน มาตรา 11 เดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร จะต้องเดินทางเข้ามาหรือออกไปตามช่องทาง ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่า สถานี หรือท่องที่และตามกําหนดเวลา มาตรา 18 บุคคลซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร ต้องยื่นรายการตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง และผ่านการตรวจอนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่ของด่านตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทางนั้น ประกอบมาตรา 62 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และมาตรา 62 วรรคสอง ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งมีสัญชาติไทย ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

ทั้งนี้ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชุดดังกล่าวมารับทราบข้อกล่าวหา ให้การต่อเจ้าพนักงาน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า การจัดทริป นำเที่ยวหาประโยชน์ในเขตอุทยานฯ ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้า และการเดินป่าต้องไม่ใช่เส้นทางหวงห้าม และต้องปฏิบัติตามระเบียบโดรงเคร่งครัด.