เมื่อวันที่ 19 พ.ค. พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว. สุราษฎร์ธานี รับรายงานเหตุน่าสนใจ จาก พ.ต.ท.ภูสโรจ นาคพิน รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีนายพงศ์พันธ์ แซ่ตั้น อายุ 44 ปี เข้าแจ้งความ และขอความช่วยเหลือติดตามตัว น.ส.สุจิตรา กุลจันทร์ หรือ แก้ว อายุ 43 ปี ภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของแผงทุเรียนในตลาดขายส่งผลไม้ ต.ตลาด เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี หลังขาดการติดต่อกับญาติและครอบครัว ตั้งแต่ค่ำของวันที่ 17 พ.ค.

โดย นายพงศ์พันธ์ ผู้แจ้งให้รายละเอียดว่า ตนและภรรยา น.ส.สุจิตรา ประกอบอาชีพขายส่งทุเรียน โดยตนทำหน้าที่เปิดโรงล้งซื้อที่ จ.จันทบุรี แล้วนำมาขายส่งที่ตลาดโพธิ์หวาย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีภรรยาเป็นผู้ดำเนินการ ก่อนหน้านี้เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. ของวันที่ 17 พ.ค. ภรรยาได้ออกจากแผงทุเรียน ไปทำการโอนเงินให้กับตน ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ที่ ถนนเลี่ยงเมือง ต.บางกุ้ง หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกัน จนมารับแจ้งจากบุตรสาว ว่าไม่สามารถติดต่อกับภรรยาได้ ซึ่งญาติๆ รวมถึงบุตรสาว ได้ร่วมกันออกค้นหาแต่ยังไม่พบตัว โดยปกติภรรยาจะสวมสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท, สร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนัก 10 บาท, แหวนทองคำน้ำหนัก 2 สลึง ติดตัวอยู่เป็นประจำ รวมถึงรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น PCX สีฟ้า ทางครอบครัวเกรงว่า น.ส.สุจิตรา จะได้รับอันตรายจึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในการออกติดตามค้นหา

อย่างไรก็ตาม หลังรับแจ้ง ชุดสืบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้เร่งออกตรวจสอบเบาะแส ด้วยการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ และพบว่าเห็น น.ส.สุจิตรา ใช้เส้นทางถนนหน้าเมือง มุ่งหน้าไปยังวัดพัฒนาราม (หลวงพ่อพัฒน์) ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมิใช่ทางกลับบ้านของ น.ส.สุจิตรา โดยเส้นทางการกลับบ้านนั้น ต้องเลี้ยวเข้าบริเวณถนนร่มเกล้า เพื่อมุ่งหน้าไปยังซอยตลาดล่าง 25 ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.สุจิตรา ซึ่งล่าสุดชุดสืบสวนกำลังเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง แต่ยังไม่พบเบาะแสเพิ่มเติม

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบที่แผงทุเรียน พบว่า น.ส.สุจิตรา ซึ่งเป็นผู้จัดการดูแลแผงได้มีการปิดล็อกร้านเรียบร้อย รวมถึงได้เก็บโทรศัพท์มือถือทั้ง 2 เครี่องไว้ในลิ้นชักภายในแผงทุเรียน โดยใช้กุญแจล็อกลิ้นชักเอาไว้ ซึ่งญาติได้งัดทำลายลิ้นชักดังกล่าวเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือของ น.ส.สุจิตรา ออกมาจากลิ้นชักเพื่อนำมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวน

นอกจากนี้ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ พบอีกว่า ผู้สูญหาย เคยมีปัญหาทะเลาะกับสามี จนเป็นเหตุให้ น.ส.สุจิตรา เคยบ่นในทำนองตัดพ้อชีวิต ประกอบกับการทำงานที่มีความเหนื่อยล้าสูงทำให้เกิดการพักผ่อนน้อย รวมถึงไม่ได้รับความไว้วางใจจากสามี ซึ่งมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด ทั้งที่บริเวณบ้าน และแผงทุเรียน หากสามีไม่พบ น.ส.สุจิตรา อยู่ในระยะที่กล้องมองเห็นจะมีการโทรฯ ติดตามตลอดเวลา เป็นเหตุให้เกิดความไม่สบายใจ และเคยตัดพ้อให้ญาติฟังอยู่บ่อยครั้ง จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ น.ส.สุจิตตรา อาจปลีกตัวออกไป โดยไม่แจ้งให้ใครทราบ ซึ่งแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งเหตุประทุษร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับ น.ส.สุจิตรา และประเด็นปัญหาในครอบครัวของผู้สูญหาย และได้แจ้งให้สายตรวจ จยย. สายตรวจรถยนต์ และสายตรวจตำบล สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เข้าค้นหาและตรวจสอบภายในโรงแรม รีสอร์ท ห้องพักต่างๆ เพื่อให้พบคนและพาหนะ.