จากกรณีที่ยูทูบเบอร์หลายรายนำเสนอคลิปภาพในทำนองว่า “ไร่เชิญตะวัน” รกร้าง ไร้ผู้คน และ พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) ไม่ได้เข้ามาที่ไร่ฯ อีกเลยหลังเกิดกรณี “ดิไอคอน” สร้างความสงสัยในวงกว้าง

เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ “ไร่เชิญตะวัน” และพบว่า พระเมธีวชิโรดมยังคงอยู่ที่ไร่ฯ โดยได้นำเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ซึ่งอยู่ในสภาพสะอาดสะอ้าน ได้รับการดูแลอย่างดี บรรยากาศยังคงสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม เพียงแต่จำนวนผู้คนอาจลดลงเนื่องจากไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ยืนยันไร่เชิญตะวันไม่ได้ร้าง และยังมีประชาชนเข้ามากราบไหว้ตามปกติ โดยเฉพาะพระเมธีวชิโรดม บางวันมีผู้มานมัสการมากจนแทบไม่มีเวลาฉันภัตตาหาร

พระเมธีวชิโรดม ผู้อำนวยการศูนย์วิปัสสนานานาชาติไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า อยากให้ผู้ที่มาทำข่าวหรือไลฟ์สด มาในช่วงเวลาทำการ (09.00 – 17.00 น.) จะได้เห็นว่ามีกิจกรรมทุกวัน และหากติดตามเพจของพระอาจารย์ จะทราบว่าไม่มีวันใดที่ไม่มีกิจกรรม บางคนเหมือนจงใจมาถ่ายจุดที่ไม่มีกิจกรรม เช่น โกดัง หรืออาคารไม้ที่กำลังปรับปรุง แล้วปล่อยข้อมูลเท็จออกไป ยกตัวอย่างเช่นเมื่อวาน พระอาจารย์รับแขกมากจนแทบไม่ได้ฉันเพล และยังคงทำหน้าที่บรรยายธรรมโปรดญาติโยมตลอด วันก่อนก็มีการอบรมเณรนับร้อยรูป มีการประชุม และกิจกรรมอื่นๆ ตามปกติ

“ผู้ที่มานอกเวลาทำการและปล่อยข้อมูลเท็จออกไป ทางทนายได้ดำเนินการตั้งเรื่องและส่งฟ้องเรียบร้อยแล้ว มีคนมาล็อบบี้ขอให้ถอนฟ้อง แต่ทางทนายคงทำให้ไม่ได้ ทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ การนำเสนออะไรผ่านโซเชียลมีเดียอย่าทำไปเพราะว่าหิวแสงจนเกินไป ไม่ใช่อยากถ่ายอะไรก็ถ่าย บุกไปถ่ายถึงบนกุฏิพระ ทนายก็ต้องทำหน้าที่ปกป้องสิทธิ์และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทางไร่เชิญตะวัน อย่ามากล่าวหาว่าพระไม่มีเมตตา อาตมาไม่ได้ฟ้อง ผู้ที่ฟ้องคือลูกศิษย์ที่เป็นทีมทนาย ที่เชียงรายดูเงียบๆ ไป อย่าลืมว่าปีที่ผ่านมาเชียงรายเจอน้ำท่วมอย่างหนัก หลายพื้นที่ยังซ่อมบ้านไม่เสร็จ ปีนี้มาเจอน้ำกกเน่ามีสารพิษอีก เพราะฉะนั้นถ้ารักจะเป็นนักข่าว อยากนำเสนอเรื่องราวออกไปสู่โซเชียล อยากให้หาความรู้เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการท่องเที่ยวด้วยว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ไม่ใช่อยากไลฟ์สดตรงไหนก็แบกกล้องไปนำเสนอข้อมูลเท็จออกไปต่อสาธารณชน” พระเมธีวชิโรดม กล่าว

ส่วนกรณีการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น พระเมธีวชิโรดม ชี้แจงว่า ได้ไปสร้างวัดที่ประเทศญี่ปุ่นถวายหลวงพ่อพระอุปัชฌาย์ (พระเทพสิทธินายก (ชื่น ปญฺญาธโร)) มาแล้วนับ 10 ปี ปัจจุบันมี 2 วัด วัดหลังสุด (วัดหลวงพ่อชื่นพุทธาราม จังหวัดไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น) ก็เพิ่งมีการผูกพัทธสีมาไป การสร้างวัดทำไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พระอาจารย์จึงเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในฐานะพระธรรมทูต ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ใครจะทำข่าวอะไรอยากให้ทำการบ้านเยอะๆ อิงข้อเท็จจริง อย่าไปทำข่าวแล้วพูดอะไรเอามัน จนกระทบกับศาสนาและสถาบันสงฆ์โดยรวม ไม่ใช่หวังเอายอดไลค์ยอดแชร์อย่างเดียว อย่าไปรู้ผิด คิดเอา เดาเก่ง ขอให้มีจรรยาในวิชาชีพกันหน่อย อย่าเอาขยะข้อมูลปฏิกูลข่าวสารไปนำเสนอกับประชาชน

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นกับวัดไร่ขิงที่เป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งมีสำนักสงฆ์บางแห่งถูกมองว่าเป็นแหล่งฟอกเงินนั้น พระเมธีวชิโรดม กล่าวว่า เรื่องการเงินถ้าทำให้ถูกต้องก็จะไม่มีปัญหาตั้งแต่ต้น ที่ไร่เชิญตะวันทำในรูปแบบมูลนิธิ สามารถตรวจสอบได้ บัญชีเดียวของพระอาจารย์ที่มีเป็นบัญชีนิตยภัต (เงินเดือน) ของพระเปรียญ 9 ส่วนการเงินอื่นๆ ให้อยู่ในรูปของมูลนิธิ รวมทั้งการไปบรรยายธรรมต่างๆ มีผู้ถวายมาก็เข้าบัญชีมูลนิธิ ท่านใดอยากรู้ข้อเท็จจริง ตรวจสอบได้ที่มูลนิธิ อย่ารู้ผิด-คิดเอา-เดาเก่ง ในส่วนของตัวพระอาจารย์และไร่เชิญตะวันเป็นแบบนี้ ส่วนของพระสังฆาธิการรูปอื่นหรือวัดอื่นไม่ขอก้าวล่วง

ส่วนเรื่องคดีดิไอคอน พระเมธีวชิโรดม กล่าวว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน (sensitive) ขอผ่าน ไม่อยากพูดถึงอีกแล้ว