เมื่อวันที่ 21 พ.ค. พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า  ตนได้หารือถึงการขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการศึกษา ซึ่งตนอยากจะเน้นย้ำเรื่องการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ เข้ามาบริหารจัดการศึกษาและให้เอไอ ได้เข้ามาเป็นผู้ช่วยของทุกคน โดยอยากจะเริ่มการใช้เอไอกับผู้บริหารการศึกษาทุกคน เพราะขณะนี้ตนมีนโยบาย 3 บวก 1 คือ พื้นฐานการเรียนรู้ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ซึ่งจะบวกเพิ่มการเรียนรู้ด้านดิจิทัลเอไอเข้าไปด้วย เพื่อจะเป็นกระบวนการสร้างการเรียนรู้พื้นฐาน 3 บวก 1 เหล่านี้ ที่จะต้องเริ่มต้นตั้งแต่ระดับผู้บริหารไปจนถึงครู และส่งต่อไปถึงนักเรียนที่จะเป็นผลผลิตของเราต่อไป

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการเพิ่มการเรียนรู้เรื่องดิจิทัลเอไอนั้น ขอให้ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมด้วย เพราะตนต้องการให้ดิจิทัลเอไอ ได้เข้ามาเป็นผู้ช่วยของเราในการทำงานประสานพัฒนา ซึ่งถือเป็นมิติที่ตนอยากเห็นการนำเอไอเข้ามาช่วยทำงานด้านการศึกษา ช่วยเรื่องการเรียนการสอน และการเรียนของเด็ก ดังนั้นเมื่อนำเรื่องเทคโนโลยีเอไอเข้ามาใช้เป็นผู้ช่วยแล้ว ในส่วนของผู้ใช้งานจะต้องเรียนรู้ศักยภาพการใช้งาน และให้เอไอเข้ามาใช้เสริมสร้างและเติมเต็มสมรรถนะด้านที่ขาดได้ด้วย นอกจากนี้ในการประชุมดังกล่าว ตนยังได้ติดตามการใช้จ่ายงบประมาณ และเตรียมความพร้อมการชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่จะมีขึ้นปลายเดือน พ.ค. นี้ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร์ ซึ่งแม้งบประมาณปี 69 ของ ศธ. จะได้รับเพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นงบเงินเดือนครู และที่ ศธ. ทำเรื่องของบไว้ ประมาณ 500,000 ล้านบาท ก็ยังถูกตัดออกไปอีกด้วย

“สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ได้นำเสนอการประเมินคุณภาพการศึกษา ซึ่งเป็นโจทย์ที่ผมมอบให้ สมศ. ไปวิเคราะห์คุณภาพการศึกษาของโรงเรียนแต่ละขนาด ซึ่งก็พบว่าโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ จะมีผลพัฒนาการศึกษาที่ดีกว่า โรงเรียนขนาดกลางและขนาดเล็ก ดังนั้นสิ่งที่ สมศ. วิเคราะห์เหล่านี้ จะเป็นโจทย์ที่มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปสร้างภาคีเครือข่ายการช่วยเหลือโรงเรียนด้วยการจับคู่โรงเรียนคู่พัฒนา เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาที่เท่าเทียมต่อไป” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว