เมื่อวันที่ 22 พ.ค. พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการปรับเปลี่ยนระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการบริหารสำนักงาน สกสค. เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงานตามระเบียบข้อบังคับฉบับดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมา สกสค. ใช้ระเบียบฉบับนี้มานานแล้ว ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติปรับแก้ไขให้มีความทันสมัยและสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการมอบอำนาจการปฏิบัติงานหรือการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้การขับเคลื่อนการบริหารจัดการงานด้านสวัสดิการและสวัสดิภาพครูของ สกสค. มีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินการเลื่อนเงินเดือนพนักงานเจ้าหน้าที่ขององค์การค้าฯ ประจำปี 2568 คิดเป็นร้อยละ 6 โดยใช้หลักเกณฑ์การกำหนดวงเงินเช่นเดียวกับสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. มีพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ได้รับการขึ้นเงินเดือนจำนวน 231 คน ซึ่งจะให้งบประมาณในการปรับขึ้นเดือน 300,000 กว่าบาท ทั้งนี้การปรับเพิ่มเงินเดือนให้แก่พนักงานองค์การค้าฯ นั้น เป็นไปตามข้อบังคับ สกสค. ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรบุคคล พ.ศ. 2560 อีกทั้งขณะนี้ผลประกอบการขององค์การค้าฯ มีสภาพคล่องมากขึ้น และมีรายได้จากการค้าขายและการลดภาระด้านอื่นๆ ขององค์การค้าฯ จนทำให้มีรายได้เพิ่ม จำนวน 144 ล้าน ซึ่งถือว่าเป็นยอดจำนวนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนประเด็นการติดตามคดีอดีตผู้บริหาร สกสค. ที่นำเงินจำนวน 2,500 ล้านบาท จากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ (ช.พ.ค) ไปซื้อตั๋วสัญญากับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด เพื่อนำไปลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี อย่างไม่โปร่งใสนั้น ได้มีการติดตามสืบทรัพย์มาได้จำนวนหนึ่งแล้ว โดยครั้งแรกตามเงินคืนกลับเข้ากองทุนได้ จำนวน 73 ล้านบาท และครั้งที่ในจำนวน 1.7 ล้านบาท ซึ่ง สกสค. จะเร่งติดตามการบังคับคดีเพื่อสืบทรัพย์อื่นๆอย่างต่อเนื่อง
“ในอีก 3 เดือน นายพัฒนะ พัฒนะทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. ในฐานะรักษาการ ผอ.องค์การค้าฯ จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย. นี้นั้น ผมคิดว่าขณะนี้นายพัฒนะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ผอ.องค์การค้าฯ ได้อย่างดีเยี่ยม เป็นการทำงานเชิงบูรณการทำให้องค์การค้าฯประหยัดงบประมาณและมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดาย แต่ในอนาคตคงต้องมีการสรรหาบุคคลที่เหมาะสมต่อไป ดังนั้นในตอนนี้ ผมยังตอบอะไรไม่ได้ และยืนยันว่านายพัฒนะ ยังทำงานกับองค์การค้าฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว