เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 พ.ค. ที่กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะอดีต รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีโครงการจำนำข้าว ว่า ตนรู้สึกเห็นใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งตนได้ให้กำลังใจและทำให้เห็นแล้วว่า ข้าวลอตสุดท้ายที่เขาจะขาย แต่ตนไม่ยอมให้ขาย และสุดท้ายตนก็ไปดำเนินการจนทำได้กิโลกรัมละ 18 บาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ประมาณ 1-2 ปี ขายได้เพียงแค่ 3-5 บาท ก็เป็นสมมุติฐานหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาเราเสนอเรื่องนี้ไป แต่ว่าศาลปิดการเสนอพิจารณาคดีไปแล้ว และเรื่องนี้ตนมองว่าเป็นเหตุเป็นผลที่จะต้องพิจารณา
“ตนรู้สึกเห็นใจ และอยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับความเป็นธรรมคืนกลับมา ในส่วนกรณีนี้ ศาลก็มีอำนาจพิจารณาไป แต่ในข้อเท็จจริงหนทางการต่อสู้ทางกฎหมายก็จะต้องดำเนินการ ในฝั่งของนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะต้องนำเอกสารหลักฐานรวบรวม เพื่อเอามาเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นสิทธิตามกระบวนการ ส่วนศาลจะรับหรือไม่รับ เป็นหลักฐานหรือไม่ ถือเป็นสิทธิของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่จะดำเนินการตามกระบวนการ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่าการต่อสู้ของทนายความในกรณีนี้ เพื่อไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหายใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้สู้เพื่อไม่ชดใช้ แต่ช่วยทำให้เห็นว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับโทษอยู่นั้นไม่เป็นธรรม สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นว่า ในเรื่องของนโยบายไปไม่ถึง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในระดับปฏิบัติ แล้วบอกว่าให้ท่านรับผิดชอบ
โดยนายภูมิธรรม เปรียบเทียบว่า กรณีเรือดำน้ำ ซึ่งมีเรื่องที่ให้ตนต้องพิจารณาเต็มไปหมด หากตัดสินใจว่าจะไม่ทำต่อ หรือใครจะทำต่อ ก็จะต้องจ่าย 8,000 ล้านบาท ซึ่งใครจะไปทำต่อ ไม่ใช่ตนที่จะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะตนมาหลังจากนั้น 8 ปีแล้ว ดังนั้นควรจะต้องทำงานตรงไปตรงมา ซึ่งจะต้องสู้กันในประเด็นนี้ เอาหลักฐานมาแล้วทำให้เกิดความเป็นจริง
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อครหา สมัยที่นายภูมิธรรม ดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ การระบายข้าวลอตสุดท้าย เพื่อให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับโทษเบานั้น นายภูมิธรรม ถามกลับว่า รมว.พาณิชย์ เหลือข้าวลอตสุดท้าย ตนก็ต้องขาย และการขายจะเอื้อใครหรือไม่เอื้อใคร ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง เรื่องนี้มองว่าเป็นการหยิบเฉพาะส่วน เพื่อนำมาหาเรื่อง ทั้งนี้หากตนไม่ทำอะไรเลย เรื่องก็ยังค้างอยู่ จะถูกมองว่าไม่ยอมทำหน้าที่และปล่อยให้ค้างอยู่เหมือนกรณีเรือดำน้ำ ซึ่งตนไม่อยากให้เรื่องนี้ปล่อยจากตนไป
“วันนี้หากผมอยู่เฉยๆ อย่างในเรื่องของเรือดำน้ำ เพราะข้อเท็จจริงมันยังไม่เห็น และยังไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ผมก็ปลอดภัยทุกอย่าง ใครจะมาว่าผม ผมก็จะบอกว่าเรื่องนี้มัน 8 ปีมาแล้ว ผ่านมากี่รัฐบาลแล้วยังไม่ทำเลย ผมไม่ทำแล้วจะผิดได้อย่างไร ผมก็ทำ ทำทั้งที่มีเสียงวิจารณ์ว่าจะเอาผิด แต่ผมไม่สนใจ ผมถือว่าทำตามข้อเท็จจริงตามสิ่งที่เกิดขึ้น และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นคนที่เราเคารพและเคยร่วมงานกันมา เราดูจากประเด็น เราก็วินิจฉัยของเราได้ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งศาลจะเป็นคนตัดสิน อยู่ที่ข้อมูลของแต่ละฝ่ายที่จะเสนอ“ นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เชื่อว่าเรื่องนี้นั้น ไม่ได้มีสัญญาณอะไรแต่อย่างใด และไม่จำเป็นต้องมีสัญญาณ หากจะบอกว่าเรื่องนี้มีสัญญาณ ก็แสดงว่ากระบวนการทั้งหมดเชื่อมกันหมด มันใช่ไหมล่ะ เราพยายามยืนอยู่บนจุดยืนที่ กระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามหลักของประเทศ คือการยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม พร้อมย้ำว่าหลักนิติธรรมนั้นสำคัญ หากเราไม่ยึดให้ชัดเจน หรือทำให้ต่างประเทศไม่เชื่อมั่น การประชุมต่างๆ ก็จะไม่เกิด.