“มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีดี” รถยนต์เอนกประสงค์ขนาดเล็กกะทัดรัดของมิตซูบิชิที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริดใหม่สุด ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้สร้างกระแสตอบรับจากกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นดูจากตัวเลขยอดจองกว่า 3,000 คันและต้องจับตาดูตัวเลขยอดขายนับจากนี้ไปว่าจะทะลุเดือนละกว่า1,000 คันได้หรือไม่

ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยวและดึงดูดสายตา จากคอนเซปต์การออกแบบที่เสริมความสปอร์ตให้ด้านหน้าของตัวรถ ดีไซน์ด้านข้างแบบ 3 มิติ พร้อมเส้นสายที่ดูแข็งแกร่ง ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบแอลอีดี ไฟท้ายแอลอีดี สีสโมค สร้างความไอคอนนิก ด้วยการจัดวางเรียงเป็นรูปตัวที (T) ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ขนาดใหญ่ดูดุดันมากขึ้น องค์ประกอบด้านรูปร่างหน้าตาของเอ็กซ์ฟอร์ส ไฮบริดใหม่สุดจึงไปสะดุดตากับกลุ่มลูกค้าที่อ่อนวัยลง จากเดิมที่เป็นกลุ่มครอบครัว ตลอดจนฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆถูกอกถูกใจ ขณะเดียวกันสมรรถนะยังเป็นจุดเด่นที่มิตซูบิชิ ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะมิตซูบิชิ อีโมชั่น

แน่นอน! และเพื่อพิสูจน์จุดเด่นที่น่าสนใจทั้งระบบไฮบริดที่ว่าประหยัดน้ำมัน 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร โหมดการขับขี่ที่หลากหลาย รองรับทุกสภาพถนนการดีไซน์ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายใส่ความพรีเมียม พรั่งพร้อมด้วยระบบความบันเทิงครบครัน เทคโนโลยีความปลอดภัยไดมอนด์เซ้นส์จัดมาให้เต็มๆ

ล่าสุดทางมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้จัดทริปทดสอบเอ็กซ์ฟอร์สใหม่บนเส้นทางภูเก็ต-กระบี่-ภูเก็ต รวมระยะทางเกือบ 400 กิโลเมตร พร้อมกับจำลองสถานีทดสอบให้พิสูจน์การทำงานใน 2โหมดไฮไลต์ คือ Gravel Mode สำหรับถนนลูกรังทางฝุ่นลดอาการลื่นไถล โดยมีระบบ AYC ยิ่งย้ำความมั่นใจเกาะหนึบไม่มีอาการดีดดิ้น และเมื่อเปลี่ยนเป็น Mud Mode ต้องยอมรับว่าการตอบสนองดี จากโคลนสูงครึ่งล้อ แต่การปีนป่ายผ่านอุปสรรคได้อย่างง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ ขับไม่ชำนาญ แค่เรียกใช้โหมดนี้แล้ววางใจได้ เพราะยึดเกาะดีขึ้นทันใจเหมาะนำไปลุยๆได้สบาย

หลังจากสอบผ่านในสถานีจำลองที่ทีมงานจัดไว้แล้วก็ถึงเวลาขับถนนลาดยาง ซึ่งเส้นทางภูเก็ต-กระบี่ มีทั้งขับสวนเลน 2 เลน ให้ฟิลลิ่งการใช้งานในชีวิตประจำวันจริงๆ เมื่อออกจากเมืองภูเก็ตมุ่งหน้าไปยังเขานางหงส์ ลองใช้โหมด Tarmac mode ช่วยเพิ่มความว่องไวและการควบคุมที่แม่นยำ บนถนนคดเคี้ยวมีโค้งเยอะแถมขึ้นลงเนินชันเรียกว่าในโหมดนี้ให้พละกำลังเช่นเดียวกับ Sport Mode ส่วนพวงมาลัยแปรผันตามความเร็วให้การตอบสนองของอัตราเร่งที่ดีขึ้นแม่นยำและมั่นคงในย่านความเร็วสูง และในทางโค้งและระบบไฮบริดที่ตัดต่อกำลังได้อย่างสมูทและใน Tarmac mode นี่เองรถจะใส่เกียร์ B ให้อัตโนมัติ เพิ่มเอนจิ้นเบรกเพื่ิอให้เข้าโค้งได้อย่างมั่นคงและง่ายดาย

อย่างไรก็ตามระหว่างเส้นทางที่ขับนั้นต้องเจอฝนตกทั้งหนักและเบาดังนั้นการใช้ Wet Mode ซึ่งเหมาะกับถนนเปียกลื่นสร้างความมั่นใจแม้จะขับด้วยความเร็วค่อนข้างสูงบางช่วง เรียกว่า handling ของรถความต่อเนื่องตลอดจนการตอบสนองของพวงมาลัยในทางโค้งน่าประทับใจ ขณะเดียวกันไม่ทำให้เมื่อยหล้าเพราะมิตซูบิชิให้ความสำคัญเรื่องความสบายในการขับขี่ ทั้งตัวเบาะ support โอบกระชับนั่งสบาย

นอกจากนี้ยังเพลิดเพลินกับบรรยากาศภายในห้องโดยสารเริ่มจากระบบเครื่องของ Yamaha ที่ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่เป็น long trip และได้ลองฟังก์ชั่นชดเชยเสียงตามความเร็วที่จะเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นแต่ละย่านไม่เท่ากันทำให้ผลลัพท์ของเสียงดังขึ้นเป็นธรรมชาติที่สุดโดยที่ไม่ต้องเพิ่มเสียงที่ปุ่ม และการเก็บเสียงระหว่างการเดินทางค่อนข้างดีเพราะมีการดูดซับแรงสะเทือนของถนนดีที่มิตซูบิชิบอกว่าได้จูนใหม่เพื่อให้เหมาะกับถนนในประเทศไทยโดยเฉพาะ

ส่วนฟังก์ชั่นการใช้งานบนหน้าจอแบบระบบสัมผัสขนาด12.3 นิ้ว พร้อม Smart phone-link Display Audio (SDA) มาพร้อมหน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบแอลซีดีขนาด 8 นิ้วแสดงผลที่ออกแบบให้เป็นแบบมัลติวิดเจ็ต แบ่งออกเป็น 3 ส่วน เพื่อแสดงข้อมูลต่างๆ พร้อมกันบนหน้าจอเดียว อีกทั้งยังสามารถแสดงผลชุดมาตรวัดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่นพี่มิตซูบิชิปาเจโร นอกจากนี้ ยังรองรับ Apple CarPlay และ AndroidAuto แบบไร้สาย และ WebLink เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพลิดเพลินกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้บนหน้าจอขนาดใหญ่

ทางด้านเบาะหลังขนาดใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน พื้นที่เหนือศีรษะ พื้นที่หัวไหล่ และพื้นที่วางขากว้าง ไม่มีอุโมงค์ตรงกลาง นั่งสบายแม้ว่าจะนั่ง 3 คน รวมทั้งยังพับเบาะแบบ 40:20:40 แถมปรับเอนได้ถึง 8 ระดับ และได้ลองนั่งเป็นผู้โดสารตอนหลังนั่งสบายไม่รู้สึกโคลงหรือเมารถ แม้ว่าจะขับเร็วมีแรงเหวี่ยงมาก แอร์เย็นฉ่ำถึงตอนหลัง รวมทั้งมีระบบฟอกอากาศ nanoe X

นอกจากนี้ทางมิตซูบิชิ ยังได้ให้พิสูจน์การกินน้ำมันของเอ็กซ์ฟอร์ส ไฮบริดใหม่ บนสภาพถนนที่ต้องเจอในชีวิตประจำวัน ทั้งในเมือง ผ่านชุมชน การออกตัวที่ใช้ไฟฟ้าทั้งเงียบ อัตราเร่งความเร็วปานกลาง ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ผลออกมาประหยัดน่าพอใจเพราะทำได้มากกว่าที่มิตซูบิชิเคลมไว้

บทสรุปการขับมิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส ไฮบริดใหม่เส้นทางภูเก็ต-กระบี่-ภูเก็ต ประมาณ 400 กิโลเมตร สภาพถนนที่มีทั้งขึ้นเขา ลงเขา ทางลาดชัน ทางโค้ง ขับสวนเลน หรือขับด้วยความเร็วสูงก็ยังเพลิดเพลิน ไปกับฟิลลิ่งของระบบช่วงล่าง การตอบสนองของพวงมาลัยที่แม่นยำ ขุมกำลังเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงและแบตเตอรี่ที่ออกแบบสำหรับรถยนต์ไฮบริด ให้แรงม้า 107 ตัว กับแรงบิด 134 นิวตัน-เมตร ที่เมื่อต้องการใช้พลังเร่งแซงก็สั่งใช้งานได้ดั่งใจ

มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส ไฮบริด จึงเป็นรถเอนกประสงค์ขนาดกะทัดรัดดูทันสมัย ดุดัน อุ่นใจกับระบบความปลอดภัย คุ้มค่า พร้อมลุยไปได้ทุกที่ เชื่อว่าเมื่อได้ลองของจริงแล้วอาจเป็นรถเอสยูวีทางเลือกอีกคันที่น่าสนใจอีกคัน.