โดยหนึ่งในปัจจัยมาจากอัตราการใช้วัสดุทั่วโลกมีการเพิ่มขึ้นเร็วกว่าการเติบโตของประชากร ส่งผลให้เกิดปริมาณขยะมากกว่าที่ระบบรีไซเคิลในปัจจุบันจะรองรับได้ นี่จึงเป็นการเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการกำหนดเป้าหมายเศรษฐกิจหมุนเวียนระดับโลก การเปลี่ยนแปลงในระดับระบบ และความร่วมมือระดับพหุภาคี
ถือเป็นครั้งแรกที่รายงาน CGR® ได้วิเคราะห์การไหลเวียนของวัสดุ การสะสม และการไหลออกจากเศรษฐกิจโลก ซึ่งสนับสนุน หรือชะลอการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยประเมินสถานะปัจจุบันอย่างครอบคลุม พร้อมกำหนดเป้าหมายเบื้องต้น เพื่อช่วยลดการใช้วัสดุและเพิ่มการใช้ทรัพยากรแบบหมุนเวียนทั่วโลก
ถึงแม้ว่า การใช้วัสดุรีไซเคิลจะเพิ่มขึ้น 200 ล้านตัน จากปี 61-64 แต่การใช้วัสดุโดยรวมกลับเพิ่มขึ้นเร็วกว่ามาก ส่งผลให้ความก้าวหน้าในการใช้วัสดุรีไซเคิลถูกลดทอนไป ซึ่งรายงานได้แนะนำให้ลดการพึ่งพาทรัพยากรใหม่ โดยให้ความสำคัญกับการนำวัสดุรีไซเคิลใช้ในกระบวนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรตลอดการดำเนินงานและห่วงโซ่คุณค่า เพื่อลดของเสีย รวมไปถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงความทนทาน และการแบ่งระบบออกเป็นส่วนต่าง ๆ เพื่อที่จะสะดวกและประหยัดต้นทุนในการซ่อมบำรุง

แค่การรีไซเคิลวัสดุเพียงอย่างเดียวโดยไม่ลดการบริโภค สามารถทำให้การใช้ทรัพยากรแบบหมุนเวียนทั่วโลกเพิ่มจาก 6.9% เป็น 25% ได้แล้ว ซึ่งการทำเช่นนี้เป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติ เนื่องจากวัสดุบางชนิด ยังคงมีความยากในการจัดเก็บ ข้อจำกัดในการเก็บและขนส่งวัสดุอันตราย รวมถึงการรีไซเคิลมีความซับซ้อนหรือมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีมาตรการที่ลดการใช้วัสดุโดยรวม ควบคู่ไปกับการเพิ่มความพยายามในการรีไซเคิล ดังที่รายงานฉบับนี้ได้เสนอแนะ
ระบบรีไซเคิลในปัจจุบัน ไม่เพียงพอต่อการจัดการกับวิกฤติขยะโลกและในบางพื้นที่ยังขาดมาตรฐานด้านการดำเนินงานและประสิทธิภาพที่เหมาะสม จึงเป็นโอกาสที่ผู้นำธุรกิจในทุกภาคส่วนจะปรับปรุงระบบรีไซเคิลและลดปริมาณการเกิดขยะ ด้วยหลักการออกแบบแบบหมุนเวียน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงการเก็บขยะ รวมถึงการนำแร่หายากกลับไปใช้ใหม่สำหรับขยะที่มีมูลค่าสูง เป็นต้น
นอกจากนั้น วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ส่วนใหญ่มาจากขยะอุตสาหกรรมและการรื้อถอน ต่างกับขยะครัวเรือนที่มีบทบาทเพียงเล็กน้อย หรือเพียง 3.8% ของวัสดุรีไซเคิลทั้งหมดมาจากสิ่งของประจำวันที่ผู้บริโภคใช้และทิ้ง

“จากการวิเคราะห์ของเรา ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า แม้ในโลกแห่งอุดมคติ เราก็ไม่สามารถแก้ไขวิกฤติด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโลกที่มนุษย์ในปัจจุบันกำลังเผชิญอยู่ หรือที่เรียกว่า Triple plane-tary crisis หมายถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ด้วยการรีไซเคิลเพียงอย่างเดียว ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงระบบที่จำเป็นจึงต้องใช้การเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน ได้แก่ การปรับใช้ศักยภาพของการใช้ทรัพยากรแบบหมุนเวียนที่มีอยู่แล้ว เช่น อาคารและโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการชีวมวลอย่างยั่งยืนและการหยุดส่งวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ไปยังหลุมฝังกลบ โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากภายนอกตัวเรา แต่เราทุกคนต่างต้องตัดสินใจ มีความกล้า และลงทุนเพื่อนำโซลูชันแบบหมุนเวียนไปใช้ในทั้งห่วงโซ่คุณค่า” อีวอน โบโจห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Circle Economy กล่าว
รายงานได้เสนอให้มีการกำหนดเป้าหมายเศรษฐกิจหมุนเวียนระดับโลก เพื่อลดการใช้วัสดุและความต้องการพลังงาน ควบคู่ไปกับการเพิ่มอัตราการรีไซเคิล ซึ่งสามารถทำได้โดยการส่งเสริมหลักการออกแบบแบบหมุนเวียน การเพิ่มประสิทธิภาพอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์และส่วนประกอบที่มีอยู่ และการรับรองว่าการใช้วัสดุรีไซเคิลจะเป็นบรรทัดฐานสำหรับธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมและภูมิภาค
รัฐบาลมีโอกาสที่จะช่วยสนับสนุนการใช้ทรัพยากรแบบหมุนเวียน ผ่านนโยบายต่าง ๆ รวมถึงการสนับสนุนด้านการเงินและความร่วมมือในระดับพหุภาคี การกำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและสนับสนุนความคิดริเริ่มแบบหมุนเวียนจะทำให้สามารถสร้างเงื่อนไขที่เอื้อต่อการใช้ทรัพยากรแบบหมุนเวียน ซึ่งหมายรวมถึงการเปลี่ยนภาระภาษีจากแรงงานไปสู่การใช้วัสดุ การปรับเปลี่ยนเงินอุดหนุนจากกิจกรรมแบบเส้นตรง และการสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการการใช้ทรัพยากรแบบหมุนเวียนต่าง ๆ.