สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (เอฟดีเอ) ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า หน่วยงานจะจำกัดการอนุมัติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และเยาวชนที่มีโรคประจำตัว
แม้เจ้าหน้าที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กำหนดกรอบการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้สหรัฐดำเนินการสอดคล้องกับประเทศต่าง ๆ มากขึ้น เช่น สหราชอาณาจักร เยอรมนี และฝรั่งเศส ซึ่งแนะนำการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือบูสเตอร์ สำหรับผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องเท่านั้น แต่การเปลี่ยนแปลงข้างต้นเกิดขึ้นในขณะที่เคนเนดีผลักดันให้มีการปฏิรูปนโยบายสาธารณสุขของรัฐบาลกลาง
“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศว่า ในวันนี้ วัคซีนโควิดสำหรับเด็กและสตรีมีครรภ์ที่มีสุขภาพแข็งแรง ถูกถอดออกจากตารางการฉีดวัคซีนที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) แนะนำแล้ว” เคนเนดี กล่าวในคลิปวิดีโอที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
Today, the COVID vaccine for healthy children and healthy pregnant women has been removed from @CDCgov recommended immunization schedule. Bottom line: it’s common sense and it’s good science. We are now one step closer to realizing @POTUS’s promise to Make America Healthy Again. pic.twitter.com/Ytch2afCLP
— Secretary Kennedy (@SecKennedy) May 27, 2025
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดกลับเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย โดยนายอเมช อาดัลจา ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ จากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า แม้แนวทางใหม่จะสอดคล้องกับแนวทางของประเทศอื่น ๆ แต่เขาคิดว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มแรก ควรเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างภูมิคุ้มกันในเด็กตามปกติ
ขณะที่ นายพอล ออฟฟิต ผู้สันทัดกรณีด้านวัคซีนชั้นนำ จากโรงพยาบาลเด็กฟิลาเดลเฟีย เตือนว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจเป็นการจำกัดการเข้าถึง สำหรับผู้ที่ยังคงต้องการวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ระบบการดูแลสุขภาพแบบเอกชนของสหรัฐ.
เครดิตภาพ : AFP