นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ยอดการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ใน 4 เดือนแรกปี 68 (ม.ค.- เม.ย.68) มีจำนวน 363 ราย เพิ่มขึ้น 110 ราย หรือ 43% จากปีก่อน และมีมูลค่าการลงทุน 57,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,902 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5%จากปีที่แล้ว ช่วยการจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้น 1,299 คน

สำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรกของ 4 เดือน ปี 2568 ได้แก่

  • ญี่ปุ่น 71 ราย เงินลงทุน 17,255 ล้านบาท อาทิ ธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ธุรกิจบริการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้า ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนโลหะ ยานพาหนะ
  • สหรัฐอเมริกา 51 ราย เงินลงทุน 2,485 ล้านบาท อาทิ ธุรกิจค้าปลีกสินค้า บริการคลังสินค้า ดาต้าเซ็นเตอร์ บริการรับจ้างผลิต
  • สิงคโปร์ 45 ราย เงินลงทุน 9,126 ล้านบาท อาทิ ธุรกิจบริการออกแบบ ศูนย์กระจายสินค้าไฮเทค รับจ้างผลิตสินค้า
  • จีนมาเป็นอันดับสี่ 43 ราย เงินลงทุน 6,471 ล้านบาท อาทิ ธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ บริการพิธีการศุลกากรในเขตปลอดอากร เช่าอาคารโรงงาน บริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น เครื่องจักรอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์พลาสติกเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • ฮ่องกง 40 ราย 5,766 ล้านบาท อาทิ บริการศูนย์กระจายสินค้า บริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้า ธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ รับจ้างผลิตสินค้า

นางอรมน กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในช่วง 4 เดือนแรก มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุน 108 ราย คิดเป็น 30% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้น 31 ราย หรือ 40% จากปีก่อนที่มี 77 ราย โดยมีมูลค่าการลงทุน 31,363 ล้านบาท โดยเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น 32 ราย ลงทุน 10,008 ล้านบาท จีน 25 ราย ลงทุน 3,867 ล้านบาท สิงคโปร์ 10 ราย ลงทุน 5,934 ล้านบาท และ ประเทศอื่นๆ 41 ราย ลงทุน 11,554 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ธุรกิจบริการเคลือบผิวผลิตภัณฑ์โลหะ บริการให้ใช้แพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน