“ทีมข่าวอาชญากรรม” ย้อยรอยปฏิบัติการ ก่อนนำมาสู่การเปิดโปงสุดช็อก หลัง ป.ป.ส. สนธิกำลังร่วมตำรวจและทหาร บุกจับขบวนรถของนักค้ายาเสพติดที่เป็นเครือข่ายสองสามีภรรยา อดีตนักโทษคดียาเสพติดที่เพิ่งพ้นโทษหมาดๆ เมื่อปี 67 พิกัดพื้นที่ จ.เชียงราย เส้นทาง อ.เมือง ต่อเนื่อง อ.แม่ลาว
รถคันที่ 1 ตรวจค้นพบของกลางยาบ้าเกือบ 5 แสนเม็ด ซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ ใบแรกสีชมพูบรรจุยาบ้า 32 แพ็ก (96 ก้อน) 192,000 เม็ด อีกใบสีดำ พบของกลาง 42 แพ็ก (124 ก้อน) 248,000 เม็ด จากผู้ต้องหา 6 ราย จับกุมได้แล้ว 2 ราย อีก 4 ราย ที่นั่งมาในรถคันที่ 2 ขับหลบหนีไปได้ ในจำนวนนี้เป็นผู้สั่งการที่เป็นอดีตนักโทษ และมีบทบาทเป็นผู้จดทะเบียนขอเปิดสาขาบริษัทขนส่งเอกชน
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เผยการแกะรอยครั้งนี้ มาจากช่วงปี 67 กลุ่มสั่งการที่เป็นผู้พ้นโทษคดียาเสพติด ที่มีอัตราโทษจำคุกสูงถึง 17 ปี มีการลงทุนเปิดบริษัทขนส่งพัสดุเอกชน ประเภทรับฝากสินค้า เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 68 ในพื้นที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย แต่จุดประสงค์หลักคือเพื่อขนส่งพัสดุที่ซุกซ่อนยาเสพติดของเครือข่ายเข้าสู่พื้นที่ตอนใน
ต่อมาเดือน เม.ย. 68 พลเมืองดีแจ้งเบาะแสมีกลุ่มนักค้าซึ่งเป็นชาวสระแก้ว มาพักอาศัยในพื้นที่เชียงราย เจ้าหน้าที่สืบสวนจนพบแผนประทุษกรรม ว่ามีพฤติการณ์ไปรับยาเสพติดบนเขา พื้นที่ อ.แม่สรวย หากผู้ติดต่อมีการซื้อขายปริมาณ 10,000 เม็ด กลุ่มผู้ต้องหาจะใช้วิธีลำเลียงผ่านการจัดส่งพัสดุ แต่หากซื้อขายปริมาณ 100,000 เม็ด จะใช้วิธีลำเลียงด้วยรถทัวร์ หรือ รถยนต์
2 สมุนเครือข่ายเปิดปากรับสารภาพ ทำมาแล้ว 3 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 6,000-20,000 บาท ครั้งแรกทำช่วงเดือน ก.พ. 68 โดยลำเลียงยาบ้า 500,000 เม็ด ด้วยรถทัวร์ นำส่งพื้นที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี, ครั้งที่ 2 ช่วงเดือน เม.ย. 68 ลำเลียงยาบ้า 1 กระสอบ นำส่งพื้นที่ จ.สระแก้ว และครั้งที่ 3 เดือน พ.ค. 68 ตั้งใจลำเลียงยาบ้าส่งพื้นที่นนทบุรี สุพรรณบุรี สระแก้ว และพื้นที่ภาคใต้ แต่ถูกจับได้ก่อน
เลขาธิการ ป.ป.ส. ให้ข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับมาตรการปราบปรามแผนประทุษกรรมที่กลุ่มนักค้ายอมควักเงินลงทุน เปิดสาขาขนส่งเอกชนบังหน้า ว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้อำนาจเลขาธิการสั่งปิดกิจการ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 56 ประกอบมาตรา 57
เนื่องจากมีการเปิดสถานประกอบการเกี่ยวกับระบบขนส่งโลจิสติกส์ แต่ปล่อยปละละเลย หรือฝ่าฝืนมาตรการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ ซึ่งที่ผ่านมา ป.ป.ส. มีข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัทขนส่งโลจิสติกส์หลายแห่ง เพื่อให้ช่วยสอดส่อง อุดช่องถูกใช้เป็นเส้นทางผ่าน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ที่เป็นจุดลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าพื้นที่ชั้นในมากที่สุด
ปัจจุบันการกระจายยาเสพติดผ่านขนส่งเอกชนได้รับความนิยมสูง เพราะค่าใช้จ่ายต่ำ พร้อมย้ำหากสถานประกอบการไม่เข้มงวด ไม่มีมาตรการ ก็อาจถูกใช้เป็นช่องโหว่กฎหมาย หรือความไม่เข้มงวดของภาครัฐ เข้ามาเปิดสาขาลักลอบกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดได้อีกในอนาคต
ทั้งนี้ กรณีผู้ประกอบการปล่อยปละละเลย หรือฝ่าฝืนมาตรการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท หรือสั่งปิดสถานประกอบการชั่วคราว หรือสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบการ หรือหากผู้ประกอบการมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเสียเองจะถูกดำเนินคดีด้วย
ขณะที่ นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด ของ ป.ป.ส. เผยเทคนิคการจัดส่งยาเสพติดของผู้ต้องหาว่าทุกครั้ง จะใช้วิธีจ่าหน้าซองด้วยชื่อและสกุลของ 2 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม หรือบางครั้งก็ใช้ชื่อ-สกุล ของคนในเครือข่ายเป็นผู้ส่ง เนื่องจากผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ได้มีประวัติเคยเป็นพนักงานรับฝากพัสดุมาก่อน ในห้วงเวลา 4 เดือนนับตั้งแต่เปิดบริษัท พบยอดขนส่งยาบ้าไปแล้ว 1,600,000 เม็ด
คดีนี้แม้ของกลางไม่ได้มีจำนวนมากเมื่อเทียบกับลอตใหญ่ที่เคยพบ แต่กลับกลายเป็นอุทาหรณ์ชั้นดี สำหรับผู้ประกอบการขนส่งเอกชน ให้ตระหนักภัยใกล้ตัว รวมถึงบทบาทของฝ่ายปฏิบัติที่ต้องไม่หยุดนิ่ง ตราบใดที่ขบวนการยาเสพติดยังพยายามคิดหาวิธีปรับตัว หลบเลี่ยง อย่างไม่หยุดหย่อน.
ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน