ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้ฝ่ายทหารกัมพูชาเสียชีวิต 2 นาย และบาดเจ็บหลายนาย จนมีการการปลุกกระแสในโซเชียลมีเดีย ภายในประเทศกัมพูชา งดซื้อสินค้าของไทยทุกชนิด เพื่อเป็นการตอบโต้ ต่อมาได้มีการประชุมด่วนจากหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประกาศปิดด่านตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นั้น
ล่าสุด ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ช่วงเวลา 11.30-14.00 น. วันที่ 31 พ.ค. บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีทั้งรถบรรทุกสินค้า รถยนต์ส่วนตัวจากทั้งสองฝั่งเดินทางเข้าออกตลอด และมีชาวกัมพูชาเดินทางจากฝั่งหาดเล็ก ข้ามไปยังบ้านจามเยี่ยม ต.มณฑลเสมา อ.มณฑลเสมา จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผู้ประกอบการไทยและกัมพูชา เดินทางเข้ามายังฝั่งหาดเล็กโดยปกติ ซึ่งมีทหารนาวิกโยธินของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 182 (ฉก.นย.ที่ 182 หาดเล็ก) ตรวจรถยนต์ สินค้า เข้าออกตามปกติ แม้จะมีเข้มงวดบ้าง และเจ้าหน้าที่ศุลกากรคลองใหญ่ ตรวจใบส่งของและสินค้า รวมทั้งตำรวจตรวจคนเข้าเมืองคลองใหญ่ ทำงานตามปกติเช่นกัน ซึ่งช่วงนี้มีจำนวนมากกว่าทุกวันเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุด แม้จะมีข่าวกระจายออกไปยังตลาดชายแดนหาดเล็กแล้ว ซึ่งมีพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาและชาวไทย ตั้งวงคุยกันในเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้นหากมีการปิดจริง

นายณัฐพร คิรีเลิศ คนขับรถบรรทุกสินค้าจากอำเภอคลองใหญ่ ไปส่งที่ตลาดจามเยี่ยม จ.เกาะกง เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลไทย ที่จะปิดด่านถาวรบ้านหาดเล็ก เพราะจะกระทบกับการค้าขายระหว่าง 2 จังหวัด โดยเฉพาะตนเองจะต้องตกงาน เพราะเป็นลูกจ้างที่รับจ้างขับรถบรรทุกส่งสินค้า ซึ่งนายจ้างก็จะขายสินค้าไม่ได้ ซึ่งอยากเห็นทั้ง 2 ประเทศ เห็นแก่ประชาชนตามแนวชายแดนที่ต้องทำมาหากิน อยากให้รัฐบาลทั้งสองประเทศพูดคุยกันดีๆ เพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
ขณะที่ นายสุวันนารา ชาย อายุ 56 ปี พ่อค้าในตลาดหาดเล็ก ซึ่งเป็นคน 2 สัญชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการปิดชายแดนหาดเล็ก ห้ามการเข้าออกเด็ดขาดจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้การค้าขายในตลาดหาดเล็กซบเซามากและขายสินค้ากันไม่ได้ ซึ่งก็เหมือนกับตลาดจามเยี่ยมในกัมพูชา ที่เงียบเหงาเช่นกัน และวันนี้หากทั้งสองประเทศขัดแย้งกัน และฝ่ายไทยปิดด่านไม่ให้มีการค้าขายระหว่างกัน พ่อค้าแม่ค้าในตลาดหาดเล็กก็จะได้รับผลกระทบอีกครั้ง ทั้งที่ 2 ปีที่ผ่านมาก็เดือดร้อนมากอยู่แล้ว จึงไม่เห็นด้วยกับการปิดด่านหากเกิดขึ้นจริง

ส่วนนายบัวลา เข้ม ที่เป็นชาวกัมพูชาในจังหวัดเกาะกง และรับจ้างเข็นสินค้าจากบ้านจามเยี่ยมมายังฝั่งหาดเล็ก กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นประชาชนชาวกัมพูชา ไม่มีสิทธิไปคัดค้านในเรื่องนี้ แต่อยากเห็นผู้ใหญ่ของทั้งสองประเทศพูดคุยกันดีๆ เพราะหากปิดด่านลงไปย่อมได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสองฝ่าย และโดยเฉพาะประชาชนที่ทำมาหากินในพื้นที่ชายแดน จึงอยากจะวิงวอนให้ทั้งสองประเทศได้คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งสองประเทศด้วย (พร้อมพูดเรียกร้องเป็นภาษากัมพูชา เพื่อให้ผู้ใหญ่ในกัมพูชารับรู้)
ขณะที่นายเริญ อายุ 50 ปี แรงงานประมงกัมพูชาในจังหวัดตราด กล่าวว่า ไม่ต้องการเห็นความขัดแย้งกันระหว่าง 2 ประเทศ เพราะส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวกัมพูชา ที่ทำมาหากินในจังหวัดตราด ซึ่งตนเองเป็นแรงงานประมงที่รับจ้างใน จ.ตราด และอีก 2 วัน จะออกทะเล ซึ่งหากปิดด่านจะส่งผลให้ไม่สามารถไปทำประมงในทะเลได้
ขณะเจ้าหน้าที่ศุลกากรคลองใหญ่ที่ประจำอยู่ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก เปิดเผยว่า การขนส่งสินค้าทั้งขาเข้าและข้าออกระหว่าง 2 ประเทศ ยังเป็นไปตามปกติ ซึ่งข่าวที่จะมีการปิดด่านหาดเล็กและด่านอื่นๆ นั้น ยังไม่มีคำสั่งออกมา ซึ่งศุลกากรคลองใหญ่เป็นหน่วยปฏิบัติ หากทางผู้ว่าราชการจังหวัดตราดสั่งการลงมา ก็จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายนั้น ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้น ก็อยู่ที่มูลค่าการค้าขายของทั้งสองประเทศไทย
ด้านนายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องการปิดจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนในจังหวัดตราด ทั้ง 6 จุด นั้น ทางจังหวัดตราดยังไม่ได้รับคำสั่งหรือนโยบายจากกระทรวงมหาดไทยมา แต่จะตรวจสอบและติดตามในเรื่องนี้และพร้อมจะปฏิบัติตาม.