เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปัจจุบันมีการใช้อาวุธปืนก่อเหตุเป็นจำนวนมาก โดยอาวุธปืนที่ใช้ส่วนใหญ่ ได้มาจากกลุ่มค้าอาวุธออนไลน์ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.3 จึงได้สั่งการให้ สืบสวนขยายผลถึงแหล่งที่มาของอาวุธปืน ที่ผิดกฎหมาย จนทราบว่ากลุ่มขบวนการที่ทำหน้าที่ซื้อ-ขายและจัดส่งอาวุธปืนอยู่ในพื้นที่ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี

ต่อมา พล.ต.ต.สนธยา แต่แดงเพชร ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.ต.ปฏิยุทธ สิงห์สมโรจน์ ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี พ.ต.อ.สานิตย์ ไชยสถิตย์รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยโสธร ช่วยราชการรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี สั่งการให้ พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา ผกก.สส.ภ.จ.อุบลฯ พ.ต.อ.สุรพงศ์ วรพิมพ์รัตน์ ผกก.สภ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กก.สส.ภ.ภาค 3 เข้าตรวจค้นจับกุม นายไพบูลย์ หรืออ่วม อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ที่ 1 บ้านยางน้อย ต.ก่อเอ้ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี พร้อมของกลางในการผลิตปืนเถื่อนเป็นจำนวนมาก แจ้งข้อหา ทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นำเข้า มี หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าและมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ขยายผลทำการจับกุม นายปิยะพัฒน์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 หมู่ 3 ต.ม่วงสามสิบ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 261/2568 ลงวันที่ 29 พ.ค. 68 ในข้อหาทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นำเข้า มี หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าและมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนแก่ผู้ที่ไม่ได้รับใบอนุญาติให้ซื้อ หรือมีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน

โดยให้การรับสารภาพว่าของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ที่ได้มานั้น ซื้อมาจากนายไพบูลย์ ในราคากระบอกละ 2,000 -4,000 บาท แล้วนำมาซื้อขายกันทางออนไลน์ จึงได้พาเจ้าหน้าที่ไปทำการตรวจค้นจับกุมนายไพบูลย์ หรืออ่วม ที่บริเวณบ้านพัก และกระท่อมนาไม่มีเลขที่ พบของกลางในการผลิตอาวุธปืนเป็นจำนวนมาก รับสารภาพว่า ผลิตปืนขายตามใบสั่งของลูกค้าตามออนไลน์ จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขื่องใน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.