ปลีกล้วย หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ดอกกล้วย” ไม่ได้เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งของต้นกล้วย แต่เป็นขุมทรัพย์ทางโภชนาการและยาธรรมชาติที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย ตั้งแต่การต้านการอักเสบไปจนถึงการส่งเสริมสุขภาพผิว ดอกกล้วยจึงเป็นสุดยอดอาหารที่ไม่ควรมองข้าม

ประโยชน์ด้านสุขภาพของดอกกล้วย

ต่อสู้กับการติดเชื้อ: สารสกัดจากดอกกล้วยมีเอทานอลที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรค ทำให้มีประสิทธิภาพในการรักษาการติดเชื้อตามธรรมชาติ

ส่งเสริมสุขภาพประจำเดือน: ดอกกล้วยที่ปรุงสุกแล้วสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องและลดการเสียเลือดประจำเดือนได้ เมื่อรับประทานร่วมกับโยเกิร์ต จะช่วยเพิ่มฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกายและลดการตกเลือด

ควบคุมเบาหวาน: จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Food and Agriculture พบว่าสารสกัดจากดอกกล้วยช่วยส่งเสริมการดูดซึมกลูโคส ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง

ปรับอารมณ์และลดความวิตกกังวล: ดอกกล้วยมีแมกนีเซียม ซึ่งช่วยลดความวิตกกังวลและปรับปรุงอารมณ์ ทำหน้าที่เป็นยาแก้ซึมเศร้าตามธรรมชาติ

ป้องกันมะเร็งและโรคหัวใจ: ดอกกล้วยประกอบด้วยกรดฟีนอลิก แทนนิน ฟลาโวนอยด์ และสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง

เพิ่มการหลั่งน้ำนม: ดอกกล้วยเป็นผักที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำนมแม่สำหรับคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงมดลูกและลดการตกเลือดหลังคลอด

ชะลอกระบวนการชรา: ดอกกล้วยอุดมไปด้วยวิตามินซีและเป็นแหล่งสำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพอย่างยิ่ง เพราะช่วยลดความเครียดของเซลล์และชะลอกระบวนการชรา

ส่งเสริมการทำงานของไต: สารอาหารมากมายในดอกกล้วยช่วยกระตุ้นการทำงานของไตให้แข็งแรง การเพิ่มดอกกล้วยอ่อนในอาหารเป็นยาธรรมชาติในการสลายนิ่วในไต และลดความเสี่ยงของการอักเสบและปัญหาเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ

เพิ่มระดับธาตุเหล็ก: ความอุดมสมบูรณ์ของธาตุเหล็กในดอกกล้วยสามารถช่วยเพิ่มปริมาณธาตุเหล็กได้อย่างน่าทึ่ง และช่วยปรับปรุงอาการที่เกี่ยวข้องกับภาวะโลหิตจาง เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นผิดปกติ ผิวซีด และมือเท้าเย็น การรับประทานดอกกล้วยเป็นประจำช่วยเพิ่มระดับเซลล์เม็ดเลือดแดงและต่อสู้กับภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก

บรรเทาปัญหาทางเดินอาหาร: ดอกกล้วยเป็นอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่างที่ช่วยปรับสมดุลการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย แผลในกระเพาะอาหาร และอาการปวด นอกจากนี้ ดอกกล้วยยังอุดมไปด้วยใยอาหารและสารอาหารที่สำคัญอื่น ๆ ทำหน้าที่เป็นยาระบายธรรมชาติ และช่วยปรับการทำงานของลำไส้ให้เป็นปกติและรักษาอาการท้องผูก

ช่วยลดน้ำหนัก: ดอกกล้วยหนึ่งออนซ์มีแคลอรี่น้อย โปรตีนสูง และมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยยับยั้งความอยากอาหารและทำให้ร่างกายอิ่มนานขึ้น จึงเหมาะสำหรับแผนอาหารลดน้ำหนัก

รักษาต่อมลูกหมากโต: สารสกัดจากดอกกล้วยสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ต่อมลูกหมาก นอกเหนือจากการช่วยบรรเทาความผิดปกติของการปัสสาวะทุกชนิด ด้วยความสามารถในการสังเคราะห์ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพในผู้ชาย จึงมีประโยชน์ในการรักษาต่อมลูกหมากโต

เสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผม: ดอกกล้วยมีศักยภาพในการลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน โดยการปกป้องเส้นผมจากปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดความเครียด และปรับปรุงความหนาและเนื้อสัมผัสของเส้นผม สารสกัดจากดอกไม้เป็นส่วนประกอบสำคัญในเซรั่มบำรุงผม น้ำมัน ครีม และมาสก์บำรุงผม มีบทบาทสำคัญในการทำให้รูขุมขนของคุณแข็งแรงขึ้นและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม

บำรุงสุขภาพกระดูก: ดอกกล้วยมีโพแทสเซียม แคลเซียม รวมถึงวิตามินเอ ซี และอี ในปริมาณมาก นอกจากนี้ยังมีฟลาโวนอยด์ที่มีประสิทธิภาพ เช่น เคอร์ซีทิน และคาเทชิน ซึ่งสามารถบรรเทาอาการปวดข้อ เพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก และลดระดับออสเตโอแคลซิน ซึ่งช่วยป้องกันโอกาสเกิดภาวะกระดูกพรุน

คุณค่าทางโภชนาการของดอกกล้วย (อ้างอิงจาก African Journal of Biotechnology)

ดอกกล้วย หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หัวใจกล้วย” อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ได้แก่ ใยอาหาร โพแทสเซียม แคลเซียม ทองแดง ฟอสฟอรัส เหล็ก แมกนีเซียม และวิตามินอี ดอกไม้ที่รับประทานได้เหล่านี้สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายรูปแบบ เช่น สลัด ซุป ผัด วาฟเฟิล และเครื่องดื่มสมุนไพร

สารอาหาร    ปริมาณ (ต่อ 100 กรัม)

พลังงาน 51 กิโลแคลอรี่

โปรตีน    1.6 กรัม

ไขมัน       0.6 กรัม

คาร์โบไฮเดรต        9.9 กรัม

ใยอาหาร                5.7 กรัม

แคลเซียม               56 มิลลิกรัม

ฟอสฟอรัส             73.3 มิลลิกรัม

เหล็ก       56.4 มิลลิกรัม

ทองแดง  13 มิลลิกรัม

โพแทสเซียม           553.3 มิลลิกรัม

แมกนีเซียม             48.7 มิลลิกรัม

วิตามินอี 1.07 มิลลิกรัม

ประโยชน์ต่อผิวหนังของสุดยอดอาหารนี้

บรรเทาภาวะผิวคล้ำ: ดอกกล้วยเป็นแหล่งอุดมไปด้วยโพแทสเซียม วิตามินอี และซี นอกจากนี้ดอกยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย ส่วนประกอบเหล่านี้ทั้งหมดช่วยบำรุงสุขภาพผิวและช่วยให้ปัญหาผิวคล้ำจางลง การนำดอกกล้วยมาบดรวมกับผลกล้วยก็ใช้ได้ผลดี และยังช่วยชะลอสัญญาณแห่งวัย

ทำให้มืออ่อนนุ่ม: ดอกกล้วยอุดมไปด้วยสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว จึงมักใช้เป็นส่วนผสมในการทำครีมทามือและโลชั่นบำรุงผิวที่สามารถรักษาความแห้งกร้านและความหมองคล้ำของมือได้ เมื่อดอกไม้รวมกับส่วนผสมอื่น ๆ ก็สามารถช่วยให้ความชุ่มชื้นแม้กระทั่งผิวที่หมองคล้ำและแห้งที่สุด

รักษาบาดแผลและรอยถลอกบนผิวหนัง: ดอกกล้วยสามารถทำหน้าที่เป็นยาที่ดีเยี่ยมในการรักษาบาดแผลหากรับประทานเป็นประจำ เนื่องจากการมีอยู่ของสารประกอบเอทานอล ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาบาดแผลถลอกบนผิวหนัง แต่ยังช่วยทำความสะอาดภายในและทำให้ผิวเรียบเนียนและอ่อนนุ่ม

ประโยชน์เพิ่มเติมต่อผิวหนัง:

ช่วยในการผลิตคอลลาเจน: วิตามินซีและแมกนีเซียมเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จำเป็นสำหรับการผลิตคอลลาเจน คอลลาเจนมีความสำคัญต่อการรักษาความยืดหยุ่นของผิวหนังและช่วยให้ผิวกระชับ จึงช่วยลดริ้วรอยและร่องลึก

ให้ประโยชน์ในการต่อต้านริ้วรอย: ด้วยคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระและส่งเสริมการผลิตคอลลาเจน สารสกัดจากดอกกล้วยสามารถช่วยลดสัญญาณแห่งวัยบนผิวหนัง เช่น ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และความหมองคล้ำ

เสริมสร้างความกระจ่างใสของผิว: ดอกกล้วยมีคุณสมบัติในการต้านจุลชีพตามธรรมชาติที่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อบนผิวหนังและส่งเสริมสุขภาพผิวโดยรวม สารอาหารในดอกกล้วยช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใสขึ้นและช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง

ที่มา https://www.netmeds.com/health-library