เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2568 พ.ต.อ.ชลิต มรกตศรีวรรณ ผกก.สภ.พระยืน จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ สายสมบัติ รอง ผกก.(สืบสวน) สภ.พระยืน และชุดสืบสวน นำตัว นายสิงหา อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาที่ลงมือสังหารย่าของตนเอง ไปชี้จุดเกิดเหตุ ที่บ้านในพื้นที่ หมู่ 1 ต.ขามป้อม อ.พระยืน จ.ขอนแก่น

สืบเนื่องจากกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งพบศพ น.ส.บุญมา อายุ 87 ปี เจ้าของบ้าน นอนเสียชีวิตอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ภายในบ้าน สภาพศพมีบาดแผลฉกรรจ์คล้ายถูกของแข็งกระแทกบริเวณหน้าผากและแก้มซ้าย รวมถึงเบ้าตาเขียวช้ำ ซึ่งเป็นลักษณะที่น่าสงสัยว่าไม่ได้เกิดจากการล้ม
โดยระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ นายสิงหา หลานชายผู้ก่อเหตุ อยู่ในที่เกิดเหตุ ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ออกไปทำธุระและเมื่อกลับมาก็พบย่านอนคว่ำหน้าอยู่ในห้องน้ำ คาดว่าย่าจะล้มหัวฟาดพื้น จึงรีบล้างตัวย่าแล้วอุ้มมานอนห่มผ้าที่แคร่ ก่อนแจ้งชาวบ้านให้ทราบ แต่ทว่าจากการชันสูตรบาดแผลและข้อมูลที่ได้จากชาวบ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ

พ.ต.อ.ชลิต เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้เสียชีวิตถูกทำร้ายและเสียชีวิต โดยผู้ก่อเหตุพยายามอำพรางคดี นอกจากนี้ การตรวจสอบประวัติของ นายสิงหา ไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่อย่างใด แต่จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ทราบเพิ่มเติมว่า น.ส.บุญมา ซึ่งเป็นผู้พิการเดินไม่ได้ ได้รับ นายสิงหา หลานมาเป็นบุตรบุญธรรม และยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ รวมถึงเงินสดจำนวนหลายแสนบาทที่ได้จากการขายที่ดินให้ดูแล แต่หลังจากที่ภรรยาของ นายสิงหา พาลูกหนีไปเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน นายสิงหา ก็ได้อาศัยอยู่กับ น.ส.บุญมา เพียงสองคน และต้องคอยทำความสะอาดสิ่งปฏิกูลให้ผู้ตาย
ซึ่งในระยะหลัง นายสิงหา มักทำร้ายย่าบ่อยครั้งแต่ไม่รุนแรง จนกระทั่งคืนเกิดเหตุ น.ส.บุญมา ได้ไถตัวหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านและบอกว่าถูก นายสิงหา ตี แต่ไม่นาน นายสิงหา ก็ได้อุ้มย่ากลับเข้าบ้าน โดยจงใจหลบมุมกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ เมื่อถึงในบ้าน ชาวบ้านได้ยินเสียงทุบ 2 ครั้ง และเสียงย่าร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะเงียบเสียงไป และในเวลาประมาณ 20.00 น. นายสิงหา จึงออกมาบอกชาวบ้านว่าย่าล้มในห้องน้ำเสียชีวิตแล้ว ชาวบ้านจึงแจ้งตำรวจดังกล่าว

หลังจากการสอบสวนอย่างเข้มข้น นายสิงหา ในตอนแรกให้การปฏิเสธ แต่ในที่สุดก็ยอมจำนนต่อหลักฐานและรับสารภาพว่า หลังจากภรรยาหนีไปก็รู้สึกหงุดหงิด อารมณ์เสีย และหงุดหงิดที่ย่าพิการบ่นด่า รวมถึงต้องคอยเก็บสิ่งปฏิกูลให้ทุกวัน จึงลงมือตบย่าไปหลายครั้ง เมื่อย่าพยายามหนีออกจากบ้าน จึงไปอุ้มกลับมาที่บ้าน แต่ย่าก็ยังคงไม่หยุดด่า จึงใช้ก้อนหินทุบเข้าที่ศีรษะและใบหน้าของย่า 2-3 ครั้ง จนย่าสิ้นใจ
จากนั้นจึงอุ้มร่างย่าเข้าไปล้างทำความสะอาดในห้องน้ำ แล้วนำร่างย่ากลับมานอนห่มผ้าไว้บนแคร่ เพื่อสร้างสถานการณ์อำพรางคดี ก่อนจะไปบอกชาวบ้านว่าย่าล้มในห้องน้ำเสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่น และ เคลื่อนย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ก่อนทำการควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป