เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม ชั้น 1 อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “พลังสตรีเพื่อการพัฒนา เสริมสร้างโอกาส สร้างอนาคต” โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย นายพิชัย นริพทะพันธ์ุ รมว.พาณิชย์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย และสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจากจังหวัดต่างๆ เข้าร่วม

โดยนายอนุทิน กล่าวรายงานวัตถุประสงค์โครงการพัฒนาบทบาทสตรี ช่วงหนึ่งได้พูดถึงบทบาทสตรีว่ามีมากขนาดไหน โดยยกเหตุการณ์ ระหว่างนั่งเครื่องบินไปลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์กับนายกฯ และนายภูมิธรรม เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ว่า “ผมได้พูดถึงบทบาทสตรีระหว่างเที่ยวบินที่เดินทางไปจังหวัดสุรินทร์กับนายกฯ โดยนายกฯ ได้ถามนายภูมิธรรมว่าท่านคะ เวลาคุณพี่ที่บ้านทำให้ท่านโกรธท่านทำยังไงคะ ท่านภูมิธรรมจึงยกมือขึ้น ผมก็ตกใจ ตายแล้วท่านภูมิธรรมจะกล้าทำร้ายคุณพี่ผู้หญิงขนาดนั้นเลยหรือ แต่ท่านภูมิธรรมยกมือทำท่าวันทยหัตถ์ เห็นไหมขนาดท่าน รมว.กลาโหมยังขนาดนั้น ท่านนายกฯ จึงหันมาถามผม ผมจึงบอกว่า รมว.กลาโหมยกมือเดียว แต่ผมยกสองมือเลย นายกฯ ถามทำยังไง ตบบ้องหูเหรอ ผมบอกเปล่าครับ ผมยกมือขึ้นประกบแล้วไหว้ จึงเห็นได้ว่าพวกเราบุรุษให้ความเกรงใจและเชื่อมั่นในศักยภาพของสตรีเพียงใด”

ด้านนายกฯ กล่าวว่า วันนี้ดิฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาเปิดงานกองทุนพัฒนาสตรี ทราบกันดีอยู่แล้ว ดิฉันเองเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย โดยกองทุนพัฒนาสตรีนี้เกิดขึ้นได้ โดยนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เรามีความเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าผู้หญิงไทยที่จริงแล้วมีศักยภาพที่สูงมาก ถ้าได้รับโอกาส ศักยภาพเหล่านั้นจะถูกแสดงออกมา และแน่นอนว่าดิฉันเองในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นลูกสาว เป็นน้องสาว เป็นคุณแม่ แน่นอนว่าในบทบาทต่างๆ ต้องพิสูจน์ตัวเอง บางทีก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายการเข้ามาทำงานในภาคเอกชน จนมาถึงภาครัฐเองมีความยากและง่ายที่ต่างกัน การมีอายุน้อยเป็นเรื่องหนึ่งและการเป็นผู้หญิงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งเช่นกันที่เราจะทำอย่างไรให้นักการเมืองที่เป็นผู้หญิงถูกยอมรับความคิดเห็นในทั่วโลก หรือในประเทศของเราเองก็ตาม เพราะยังมีคำพูดที่เหยียดเพศอยู่ ไม่ใช่แค่ในประเทศเรา มีอยู่ทั่วโลกเช่นกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คงต้องใช้เวลาในการปรับจูนความคิดว่าความจริงแล้วทุกอย่างที่เราเลือกที่จะเป็นควรได้รับการเคารพอย่างเท่าเทียมกันและได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันพัฒนาต่อไปในอนาคต

นายกฯ กล่าวต่อว่า ตลอดเวลา 13 ปีที่ผ่านมา กองทุนพัฒนาสตรีได้เปลี่ยนชีวิตของผู้หญิงมากมาย ทุกท่านที่มาอยู่ที่นี่ได้ก็ต้องไม่ธรรมดา มีศักยภาพที่เด่นชัดและสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ว่าสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง และคนรอบข้างได้จริงๆ คือสิ่งสำคัญเราสามารถช่วยเหลือซัพพอร์ตตัวเองได้ นำความคิดมาเปลี่ยนเป็นโครงการมาเปลี่ยนเป็นเงินลงทุน และสร้างธุรกิจเติบโตจากศูนย์จนมาถึงทุกวันนี้ได้ อันนี้เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องอย่าลืมหยุดชื่นชมตัวเองด้วย อย่างน้อยตอนนี้ดิฉันขอส่งความชื่นชมและกำลังใจให้ทุกคนว่าการมาถึงจุดนี้ ต้องผ่านอุปสรรคมากมายแต่เราก็มาถึงจุดนี้ได้ และแน่นอนว่ากองทุนนี้จะถูกทำต่อไปให้กับน้องๆ ที่จะเข้ามาประกวด เพื่อจะได้มีโอกาสสร้างอาชีพที่รักของตัวเองและเติมโอกาสเติมความฝันให้เป็นจริงได้คือสิ่งที่รัฐบาลอยากให้เกิดขึ้น

นายกฯ กล่าวอีกว่า แน่นอนว่าที่ผ่านมามีความพยายามที่จะยุบกองทุนนี้ แต่ด้วยพลังของทุกท่านทำให้กองทุนนี้ยังคงอยู่ต่อ ดิฉันได้บอกกับทีมงานว่าจะดูในเรื่องของทุนให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะดูว่ากลุ่มหรือโครงการหรืองานไหนที่จะทำเกิดประโยชน์ต่อคนหมู่มากได้เยอะจริงๆ จะต้องมีรางวัลพิเศษ แต่จะเป็นอย่างไรจะขอมาบอกในรายละเอียดอีกครั้ง แน่นอนว่ากองทุนนี้จะถูกสนับสนุนอย่างต่อเนื่องแน่นอน

“วันนี้ขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดทุกท่าน เจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่พัฒนาชุมชนและทำงานเคียงข้างผู้หญิงทุกคน และขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันผลักดันให้กองทุนนี้ให้ยังอยู่ต่ออย่างแข็งแรง และอยากเน้นย้ำให้ชัดอีกครั้งว่ากองทุนนี้ไม่ใช่แค่ของรัฐ แต่เป็นพลังของประชาชนที่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้จริงๆ ดิฉันเคยได้ยินคำพูดของฝรั่งที่พูดว่า “When women empower other women, incredible things happen“ แปลว่าเมื่อผู้หญิงซัพพอร์ตกันเองสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ จะเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นเราในที่นี้ซัพพอร์ตซึ่งกันเมื่อผู้หญิงที่มีความมั่นใจซัพพอร์ตผู้หญิงอีกคนให้มีความมั่นใจ ให้กล้าทำตามความฝันในสิ่งที่ตัวเองวางแผนไว้ เพิ่มโอกาสให้ตัวเองและสังคม เมื่อนั้นพลังแบบนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน” นายกฯ กล่าว

ขณะที่น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวถึงภาพรวมของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ยืนยันว่า ในอนาคตกองทุนนี้จะยังต้องคงอยู่ เพื่อเป็นโอกาส เป็นหลักพึ่งพิงให้แก่ผู้หญิงที่กำลังลำบาก ทั้งผู้หญิงในวันนี้ และ ผู้หญิงรุ่นต่อๆ ไป เพราะผู้หญิงไทยมีศักยภาพมากในตัวเอง ซึ่งในปีนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ได้รับการจัดสรรเงินทุนหมุนเวียนจำนวนกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะกระจายไปยังแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ถึงมือผู้หญิงอย่างทั่วถึง เพื่อให้ทุนก้อนนี้ เป็นพลังสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ หรือต่อยอดกิจการเดิม หรือช่วยให้ครอบครัวมีรายได้เพิ่มขึ้น

น.ส.ธีรรัตน์  กล่าวต่อว่า กองทุนฯ ยังกำลังสร้างพื้นที่ใหม่ ให้กับผู้หญิงรุ่นใหม่ด้วยการส่งไม้ต่อ ผ่านโครงการ Empower Young Women ซึ่งเป็นการประกวดโมเดลธุรกิจในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อให้นักศึกษาเข้าถึงโครงการในรูปแบบนี้ และโมเดลธุรกิจเหล่านี้ จะกลายเป็นลิขสิทธิ์ของกองทุน เพื่อให้สมาชิกกองทุนในพื้นที่ต่าง ๆ นำไปต่อยอดได้ทันที รวมถึงกองทุนฯ กำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งในปีนี้สมาชิกสามารถสมัครเข้าร่วมกองทุนผ่านแอปฯทางรัฐได้ และในอนาคตกำลังจะพัฒนาให้สามารถยื่นกู้ ยื่นเอกสาร ตรวจสอบสถานะ และติดตามผลได้ครบวงจรในแอปเดียว ไม่ต้องเดินทาง และไม่ต้องส่งเอกสารซ้ำซ้อน เพื่อให้ผู้หญิงไทยเข้าถึงโอกาสได้เร็ว และง่ายขึ้น จึงยืนยันว่า กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กำลังเดินหน้าไปสู่อนาคตที่แข็งแรงยิ่งกว่าเดิม