กรณีหญิงสาวขับรถกระบะแต่งซิ่ง พุ่งชนร้านสเต๊กที่ซอยเอกชัย 119 เขตบางบอน กทม. นายภาณุทัต ศักดิ์สืบพรรณ เจ้าของร้านวิ่งเข้าปกป้องไปกอด ด.ญ.ภิญญารัศมี ศักดิ์สืบพรรณ หรือน้องการ์ตูน อายุ 5 ขวบ ลูกสาวที่ยืนอยู่หน้าร้าน พ่อเสียชีวิต น้องการ์ตูนได้รับบาดเจ็บสาหัสสมองเสียหายประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ ตาบอด พูดไม่ได้ และกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงทันที เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ก.ย.57 กระทั่งผ่านมา 11 ปี น้องการ์ตูนได้เสียชีวิตลง ช่วงค่ำวันที่ 11 มิ.ย. 2568 ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

แม่แจ้งข่าวสุดเศร้า ‘น้องการ์ตูน’ จากไปแล้ว หลังสู้ชีวิตบนเตียงนานนับสิบปี

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในศาลา 2 วัดราษฎร์บูรณะ ถนนราษฎร์บูรณะ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีรดน้ำศพ น้องการ์ตูน ปัจจุบันอายุ 16 ปี โดยมีญาติและเพื่อนเข้าร่วมพิธีอย่างเนืองแน่น

นางศรัญญา ชำนิ อายุ 45 ปี คุณแม่น้องการ์ตูน เปิดเผยถึงการจากไปของลูกสาวว่า ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา น้องการ์ตูนต้องเผชิญกับการติดเชื้อในกระแสเลือดหลายครั้ง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา เวลา 22.00 น. โรงพยาบาลได้แจ้งว่าอาการของน้องทรุดหนักและชีพจรต่ำลง คุณแม่จึงรีบไปที่โรงพยาบาลสมิติเวชธนบุรี และอยู่กับน้องจนถึงเวลา 02.00 น. ก่อนจะตัดสินใจยุติการให้ยา คงเหลือเพียงยานอนหลับและเครื่องช่วยหายใจ จากนั้นวันที่ 11 มิ.ย. แพทย์แจ้งว่าอาการแย่ลง คุณแม่จึงตัดสินใจถอดเครื่องช่วยหายใจออกในเวลา 14.00 น. และน้องการ์ตูนก็ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา คุณแม่ขับรถไปโรงพยาบาลแต่ไม่ทันได้ลาน้องการ์ตูน เมื่อไปถึงจึงบอกลูกว่า “เหนื่อยมามากพอแล้ว หลับให้สบายไม่ต้องทรมานแล้ว ไม่ต้องห่วงแม่ ห่วงยาย ห่วงตา ให้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์กับคุณพ่อ” พร้อมเล่าด้วยความปวดใจว่า น้องการ์ตูนเสียชีวิตโดยตาไม่หลับ

ส่วนทางคดีคุณแม่น้องการ์ตูนยืนยันว่าจะยังคงต่อสู้คดีกับคู่กรณีต่อไป โดยเมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเจอคู่กรณีที่ศาลเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการฟ้องบังคับคดีสืบทรัพย์จากคู่กรณี คุณแม่เผยว่าทนายความของตนได้สอบถามคู่กรณีในศาลว่ามีอะไรจะพูดกับคุณแม่น้องการ์ตูนหรือไม่ แต่ได้รับคำตอบสั้นๆ เพียงว่า “ไม่” และคุณแม่ก็ไม่เคยได้รับคำขอโทษแบบจริงใจเลย มีเพียงครั้งเดียวที่คู่กรณีขอโทษต่อหน้าตำรวจเพราะถูกบังคับ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณแม่ได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากคู่กรณีเพียงแค่ 40,000 บาท ซึ่งเป็นค่าซ่อมแซมร้านที่ได้รับความเสียหายในช่วงแรกที่เกิดเหตุเท่านั้น ทนายความของคุณแม่พยายามอย่างสูงในการติดตามสืบว่าคู่กรณีทำมาหากินอะไรอยู่ที่ไหน เนื่องจากที่ผ่านมาคู่กรณีไม่มีทรัพย์สินใดๆ เป็นชื่อของตนเอง มีการเปลี่ยนชื่อใหม่ และเปิดบัญชีธนาคารอีกหลายบัญชี จนนำไปสู่การฟ้องร้องเพื่อสืบทรัพย์บังคับคดีให้จ่ายเงินค่าเสียหาย คุณแม่ยังระบุว่า ที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือดำเนินการบังคับคดีหรือช่วยเรื่องการสืบทรัพย์ให้เลย มีเพียงกระทรวงยุติธรรม ที่ได้แต่รับเรื่องแต่ก็ไม่ดำเนินการให้อย่างจริงจัง

คุณแม่น้องการ์ตูนกล่าวด้วยความเจ็บปวดว่า คู่กรณีไม่เคยมีจิตสำนึกหรือแสดงเจตนารมณ์ที่จะให้ความช่วยเหลือเยียวยาเลย แม้กระทั่งครั้งล่าสุดที่เจอกันในศาลก็ยังไม่สำนึกเหมือนเดิม “ตอนนี้ไม่มีน้องการ์ตูนที่ต้องดูแลแล้ว ฉะนั้นไม่มีอะไรจะเสีย จะเดินหน้าทำทุกวิถีทาง สู้ให้ถึงที่สุด จะพยายามปิดช่องโหว่ทางกฎหมายที่คู่กรณีใช้เป็นหนทางในการต่อสู้ เป็นการเริ่มต้นต่อสู้ครั้งใหม่ จะทำให้คู่กรณีรู้สึกเหมือนตกนรก เหมือนเช่นครอบครัวตนเองเคยประสบพบเจอมา ให้น้องการ์ตูนอยู่บนสวรรค์ แต่แม่จะขอยืนหยัดต่อสู้เอง จะทำให้เป็นกรณีตัวอย่างเหมือนกับผู้เสียหายรายอื่นที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับตนเอง ซึ่งหวังว่าการต่อสู้ในภาค 2 นี้คงจะมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับตนเองบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เรื่องราวแย่ ๆ เพียงอย่างเดียว” คุณแม่น้องการ์ตูนกล่าวอย่างมุ่งมั่น

ทั้งนี้เหตุการณ์อันน่าสลดใจนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2557 เมื่อ น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม ขับรถกระบะแต่งซิ่งพุ่งชนร้านสเต๊กในซอยเอกชัย 119 เขตบางบอน กรุงเทพฯ ซึ่งขณะนั้น นายภาณุทัต ศักดิ์สืบพรรณ ผู้เป็นพ่อของน้องการ์ตูน ได้วิ่งเข้าไปกอดลูกสาวเพื่อปกป้อง ทำให้คุณพ่อเสียชีวิต ส่วนน้องการ์ตูน ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 5 ขวบ ได้รับบาดเจ็บสาหัส สมองเสียหายประมาณ 75% ตาบอด พูดไม่ได้ และกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงทันที

ในปี 2558 ศาลอาญาธนบุรี ได้พิพากษาจำคุก น.ส.น้ำผึ้ง เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน ลดเหลือ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา และสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 6.3–6.5 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม น.ส.น้ำผึ้งพ้นโทษในปี 2561 แต่ไม่เคยจ่ายเงินชดเชยใดๆ ให้แก่ครอบครัวน้องการ์ตูน และยังคงหลบเลี่ยงการติดตามทรัพย์สิน ทำให้ครอบครัวน้องการ์ตูนต้องแบกรับภาระค่ารักษาพยาบาลเองมาโดยตลอด คุณแม่น้องการ์ตูนเปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาน้องการ์ตูนไปไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท และล่าสุดยังคงค้างค่ารักษาพยาบาลกับทางโรงพยาบาลอีกกว่า 2 ล้านบาท