อย่างเช่นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ สุ่มเสี่ยงให้เกิดความเข้าใจ โดยเฉพาะห้วงสถานการณ์อ่อนไหวที่ต้องระมัดระวังผลกระทบต่อความรู้สึก และความสงบเรียบร้อยของประเทศ อย่างข้อพิพาทที่กำลังเกิดขึ้นชายแดนไทย-กัมพูชา

ไม่นานมานี้มีตัวอย่างการจับกุม “มือโพสต์” ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เนื้อหาบิดเบือนปลุกปั่นให้เกิดความตื่นตระหนกในวงกว้าง รวมถึงออกหมายจับ 2 แฮกเกอร์กัมพูชา ป่วนเว็บไซต์หน่วยราชการและเอกชนของไทย ลักษณะตอบโต้ข้อพิพาทชายแดน ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมาย

“ทีมข่าวอาชญากรรม” สอบถาม พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เพื่อเตือนพฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์ที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายในห้วงสถานการณ์นี้ว่า ในการทำงานมีการจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าวของเจ้าหน้าที่ และมีประชาคมข่าวไซเบอร์ หลังได้ข้อมูลได้จึงเริ่มตรวจสอบ วิเคราะห์ ก่อนทำการสืบสวน

ความยากในการแกะรอยคือ จำเป็นต้องแสวงหาข้อเท็จจริงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ควบคู่กับการรวบรวมพยานหลักฐานทางดิจิทัลเพื่อพิสูจน์ว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้น ซึ่งการรวบรวมหลักฐานทางดิจิทัลถือว่ามีความสลับซับซ้อนและต้องใช้ทักษะเครื่องมือในการแสวงหาข้อเท็จจริงและเก็บหลักฐานอย่างถูกต้อง

“เนื่องจากต้องนำข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานดังกล่าว ไปยื่นคำร้องต่อศาลพิจารณาชั่งน้ำหนัก จนสมควรเชื่อว่ามีเหตุที่จะออกหมายจับ”

ผบช.สอท. ชี้ผลพวงที่อาจเกิดขึ้นจากการโพสต์ปลุกปั่นเกาะกระแสข่าวใหญ่ว่า ในกรณีที่เกิดขึ้นผู้กระทำความผิดอาศัยเหตุการณ์ความขัดแย้งแนวชายแดนมาเป็นเหตุในการปลุกปั่นผู้ใช้สื่อออนไลน์ อ้างสามารถโจมตีเว็บไซต์หน่วยงานรัฐไทยได้แล้วนำมาเผยแพร่ ทำให้คนหลงเชื่อ จนอาจนำไปสู่ความเกลียดชังระหว่างประชาชนสองประเทศ เป็นการใช้ช่องทางออนไลน์ชี้นำสังคมให้หลงเชื่อในทางไม่ถูกต้อง โดยอาจเกิดผลกระทบเป็นวงกว้างได้ในอนาคต

ทั้งนี้ ย้ำว่านอกจากผู้กระทำผิดที่เป็นต้นตอข้อมูลเท็จ การแชร์ หรือส่งต่อข้อมูลของผู้กระทำผิดอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำลักษณะนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ

ขณะที่คนกดไลก์ เสี่ยงถูกตรวจสอบเชิงความสัมพันธ์ หรือเชิงพฤติการณ์ที่แสดงเจตนากับผู้กระทำความผิด ดังนั้นฝากเตือนไปยังผู้ที่ชอบกดไลก์ หรือกดแชร์ ต้องใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล

เบื้องต้น ผบช.สอท. ยอมรับทางการข่าวยังมีกลุ่มแฮกเกอร์ที่มักอาศัยสถานการณ์มาใช้โจมตี โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าระวังหน่วยงานรัฐจะมีระบบภายในส่วนหนึ่ง อีกส่วนเป็นปฏิบัติงานด้านการข่าวผ่านประชาคมข่าวทางไซเบอร์ที่จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างต่อเนื่อง กรณีที่ดำเนินการอยู่จะมีการขยายการสื่อสารว่ามีกลุ่ม หรือส่วนใดที่สนับสนุนการกระทำความผิดของบุคคลที่ถูกออกหมายจับหรือไม่ 

ผบช.สอท. ทิ้งท้ายถึงการโพสต์หรือแชร์ข้อมูลช่วงสถานการณ์อ่อนไหว โดยเฉพาะข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบกับความขัดแย้งหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ควรใช้วิจารณญาณในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ และหาแหล่งที่มาของข้อมูลย้อนกลับว่า “น่าเชื่อถือ” มากน้อยแค่ไหน

“เนื่องจากหากมีดาวน์โหลดแล้วนำไปแชร์ หรือส่งต่อ อาจเป็นการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดตามกฎหมายได้ ขอให้ผู้ที่ได้รับทราบข้อมูลหรือสื่อต่างๆ พิจารณารับข้อมูลอย่างรอบคอบ และหมั่นตรวจสอบความถูกต้องของแหล่งที่มาข้อมูลดังกล่าวเสมอ” ผบช.สอท. ระบุ.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน