เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ศ.ดร.ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา นิด้า ได้เปิดตัว “วิทยาเขตสีคิ้ว” อย่างเป็นทางการ โดยมีบุคคลสำคัญจากภาครัฐ ภาคเอกชน และแวดวงการศึกษาเข้าร่วมแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก อาทิ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ คณาจารย์ ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจนศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของสถาบัน โดยการจัดตั้งวิทยาเขตสีคิ้ว มีเป้าหมายเพื่อขยายโอกาสทางการศึกษา ยกระดับศักยภาพท้องถิ่น และสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของสังคม โดยจะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านการพัฒนาบริหารศาสตร์ที่ยั่งยืน สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นอกจากนี้ ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อความร่วมมือทางวิชาการระหว่างนิด้า และภาคีเครือข่ายหลากหลายภาคส่วน ได้แก่ มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) บริษัท โกร อีโควิลเลจ เขาใหญ่ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด บริษัทกาลเวลาช็อกโกแลต จำกัด หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา เพื่อร่วมกันฟื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่นและต่อยอดการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม

พญ.ชนิดา สยุมภูรุจินันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวถึงเป้าหมายของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า มูลนิธิฯ ได้รวบรวมองค์ความรู้หมอยาพื้นบ้าน พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรและบริการสุขภาพที่สอดคล้องกับวิถีชุมชน โดยเน้นการวิจัยเชิงประจักษ์เพื่อให้สมุนไพรไทยมีคุณภาพ มาตรฐาน และสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมผลักดันให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับหลักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้นำผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติเยี่ยมชมนิทรรศการ “สมุนไพรจากตำราใบลาน อักษรธรรมอีสาน” ซึ่งจัดแสดงสมุนไพรพื้นบ้านที่เคยมีการใช้อย่างแพร่หลาย เช่น พญารากหอม ที่ใช้บำรุงกำลังในตำรับ “แก้โรคไม่สู้เมีย” เปราะโคราช ยาดมผสมเปราะหอม และยาฝนแก้พิษต่าง ๆ จากหมอยาอีสาน

“นิด้าเป็นสถาบันที่มีบทบาทนำทางด้านนโยบายและการพัฒนาท้องถิ่น การร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยฟื้นฟูสมุนไพรพื้นบ้านที่เกือบเลือนหายจากผืนแผ่นดิน ให้นำกลับมาเป็นทรัพยากรมีชีวิต เป็นแหล่งเรียนรู้ และเป็นต้นทุนทางสุขภาพและเศรษฐกิจให้ชุมชนสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง” ดร.ภญ.สุภาภรณ์ กล่าว