หน้ากากผีตาโขนเป็นผลงานศิลปะอันเกิดจากความเชื่อศรัทธาในศาสนา เป็นศิลปะที่มีรูปแบบ และเป็นรูปแบบศิลปะแบบอุดมคติ ผลงานทางศิลปะที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยใช้สื่อประสม โดยมีขบวนการสร้างสรรค์ที่แสดงออกทั้งทางประติมากรรมและจิตรกรรมเป็นสำคัญ อีกทั้งได้แสดงออกถึงเอกลักษณ์ที่สำคัญในการใช้วัสดุอันเป็นการแสดงถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ได้แสดงถึงความมีอารยธรรมของผลงานหัตถกรรมที่นำมาใช้เป็นวัสดุอุปกรณ์ด้วยผลงานศิลปะหน้ากากนี้ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นจนนับได้ว่าเป็นผลงานศิลปะที่สำคัญของชาติพันธุ์มนุษย์ในท้องถิ่นมาเป็นเวลาช้านาน

ผลงานศิลปะนี้ได้คงอยู่กับการดำเนินชีวิตตลอดมา ดังนั้นหน้ากากนี้จึงเป็นผลงานศิลปะที่มีประวัติความเป็นมา และเป็นผลงานศิลปะที่มีความงาม “ผีตาโขน” การละเล่นประเพณีบุญหลวงใหญ่ของ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ซึ่งเป็นงานบุญใหญ่ประจำปีของท้องถิ่นที่รวมเอางานบุญพระเวส (ฮีตเดือนสี่) และงานบุญบั้งไฟ (ฮีตเดือนหก) ให้เป็นงานบุญเดียวกัน ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นวันที่ 28 ถึง 30 มิถุนายน 2568 ผีตาโขนหน้ากาก จึงมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

เพราะนอกจากจะสร้างความสนุกสนานทั้งการชมขบวนแห่ผีตาโขนน้อย ผีตาโขนใหญ่ ขบวนนางรำและขบวนแห่จากตำบลต่างๆ ทั่วอำเภอด่านซ้าย ยังเป็นประเพณีที่มีความเกี่ยวพันกับความเชื่อและความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอีกด้วยจึงเป็น “อัตลักษณ์” ของชาวด่านซ้ายและมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ส่วนที่มาของคำว่าผีตาโขนนั้น ได้มีการเล่าสืบทอดต่อกันมาว่าน่าจะมาจากการสวมหน้ากากคล้ายหัวโขน หรือบางคนเรียกเป็นผีตาขน ผีตามคน และเพี้ยนเป็นผีตาโขนในที่สุด

นอกจากประเพณีดังกล่าวแล้ว ภาพที่เห็นเป็นกลุ่มชาวบ้านที่กำลังทำหน้ากากผีตาโขน สืบทอดสู่ลูกหลานในวัยต่างๆ ในหมู่บ้านซึ่งรวมกลุ่มกันทำหน้ากากชุด ภายใต้ชื่อกลุ่มว่า กลุ่มกระจอกศิลป์ การทำหน้ากากผีตาโขนสำหรับงานผีตาโขน 2568 ที่จะถึง ที่บ้านปากหมัน อำเภอด่านซ้าย นี้ พอใกล้ถึงวันหรือก่อนวันงาน 2-3 หรือ 4 สัปดาห์ จะมีกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้านได้เดินทางมารวมตัวกันทำประกอบ เขียนหน้ากากผีตาโขนรวมไปถึงชุดผีในรูปแบบต่างๆ ซึ่งแต่ละกลุ่มแต่ละยุคสมัยจะไม่เหมือนกันในแต่ละกลุ่ม ซึ่งภายใต้กลุ่มกระจอกศิลป์ ปีนี้ใช้ในธีมผีตาโขนย้อนยุคไปในสมัยเริ่มแรก เดิมๆ ที่ใช้ชุดจากเศษผ้าพระเก่าๆ มาทำเป็นเสื้อคลุม ย้อมด้วยด้วยสีโบราณ

สำหรับการทำหน้ากากหรือหัวผีตาโขนนั้น กลุ่มเด็กหนุ่มในหมู่บ้านได้มารวมตัวกันในช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ของวัน มาทำกันโดยสามารถทำได้โดยใช้หวดนึ่งข้าวเหนียวและกาบมะพร้าวเป็นวัสดุหลัก โดยนำหวดนึ่งข้าวเหนียวมาดัดแปลงเป็นรูปทรงคล้ายหมวก และนำกาบมะพร้าวมาทำเป็นส่วนหน้ากาก โดยการขึ้นรูปและเจาะช่องตา ส่วนการตกแต่งสีสันและรายละเอียดอื่นๆ สามารถทำได้ตามความชอบและความคิดสร้างสรรค์

ขั้นตอนการทำหน้ากากผีตาโขนเริ่มจากการเตรียมวัสดุ ได้แก่ 1.หวดนึ่งข้าวเหนียว เลือกหวดที่มีขนาดพอเหมาะสำหรับสวมศีรษะ 2.กาบมะพร้าว เลือกกาบมะพร้าวที่แห้งและแข็งแรงนำไปแช่น้ำ 3.เชือกหรือลวด สำหรับยึดส่วนต่าง ๆ ของหน้ากาก 4.สีน้ำ สีอะคริลิก หรือสีอื่น ๆ ที่ใช้สำหรับงานศิลปะ 5.อุปกรณ์อื่นๆ กรรไกร คัตเตอร์ กาว

การทำโครงหน้ากาก นำหวดนึ่งข้าวเหนียวมาดัดแปลงเป็นรูปทรงหมวก โดยอาจจะต้องตัดแต่งหรือเสริมโครงสร้างบางส่วนเพื่อให้สวมศีรษะได้พอดี นำกาบมะพร้าวมาขึ้นรูปเป็นส่วนหน้ากาก โดยอาจจะต้องตัดแต่งให้ได้รูปทรงที่ต้องการ แล้วจึงนำมาติดกับโครงหวด เจาะช่องสำหรับตา จมูก และปาก ตกแต่งหน้ากากโดยใช้สีต่าง ๆ ให้มีลวดลายและสีสันตามต้องการ อาจจะวาดลวดลายตามจินตนาการ หรือเลียนแบบลวดลายของหน้ากากผีตาโขนแบบดั้งเดิม

ด้าน นายธวัทชัย ชมเมือง หัวหน้ากลุ่มกระจอกศิลป์ บ้านปากหมัน ต.ปากหมัน อ.ด่านซ้าย จ.เลย เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ตอนเย็น ๆ จะมีหนุ่มสาว ชาวบ้านมารวมตัวกันเพื่อทำหน้ากาก ชุดผีตาโขนกันในหมู่บ้าน ซึ่งปีนี้คาดว่ามีหน้ากากเข้าร่วมวันเปิดงานเป็นจำนวนมาก คาดรวมทั้งหมดในอำเภอด่านซ้าย ประมาณ 60 กลุ่ม กลุ่มละ 30-50 ตัว เข้าร่วมงานหรือประมาณ 1,800 ตัว และกลุ่มอิสระกลุ่มท้องที่ ท้องถิ่น อีกกว่ามากกมายคงไม่ต่ำกว่า 2,500-3,000 ตัว

ตนทำหัวหน้ากากผีตาโขนและทำของชำร่วยเกี่ยวกับผีตาโขนมาหลายปีแล้ว มีลูกศิษย์และกลุ่มเด็กวัยรุ่นเยาวชนมารวมตัวกันเพื่อทำหน้ากากผีตาโขนที่สืบทอดประเพณีวัฒนธรรมของอำเภอด่านซ้าย ไม่อยากให้สูญหายไป

ขณะที่ นายธรรมนูญ ภาคธูป ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเลย กล่าวว่า กลุ่มกระจอกศิลป์ บ้านปากหมัน อ.ด่านซ้าย จ.เลย จะเป็นการท่องเที่ยวในเชิงสร้างสรรค์คือ creative tourism ที่ทาง อพท.เลย ได้เข้ามาส่งเสริมกิจกรรม คือการใช้หน้ากากผีตาโขน เพื่อมาพัฒนาเป็นของฝากของที่ระลึก ที่เป็นสัญลักษณ์ของผีตาโขน

ในส่วนของ “การละเล่นผีตาโขน” จะเริ่มในวันที่ 28-30 มิถุนายน โดยจะเป็นการจัดงานใหญ่ของ จ.เลย และจะมีอีกครั้งหนึ่ง ประมาณ ช่วงวันที่ 5 ก.ค. 68 ซึ่งจะเป็น “งานวันไหลผีตาโขน” โดยในวันนั้นจะเป็นการละเล่นที่เป็นแบบพื้นบ้านย้อนยุค มุ่งเน้นในความเป็นตํานานเก่าแก่ในเชิงโบราณของประเพณีผีตาโขน

