สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงสถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ว่า “ความอดทนของสหรัฐหมดลงแล้ว” พร้อมทั้งย้ำว่าอิหร่าน “ต้องยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข” และ “ห้ามมีอาวุธนิวเคลียร์อย่างเด็ดขาด”
.@POTUS: "We're not looking for long-term war. I only want one thing — Iran cannot have a nuclear weapon. That's it." pic.twitter.com/8gl7Wp2NBy
— Rapid Response 47 (@RapidResponse47) June 18, 2025
Q: "Mr. President, what do you say to the Supreme Leader of Iran who says that they will not surrender?"@POTUS: "I say, 'Good luck.'" pic.twitter.com/iXy5xfKNup
— Rapid Response 47 (@RapidResponse47) June 18, 2025
เกี่ยวกับการคาดการณ์ของหลายฝ่าย ว่าสหรัฐจะเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารกับอิสราเอลในครั้งนี้ ทรัมป์กล่าวว่า “อาจเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้” อย่างไรก็ตาม “สิ่งที่เขาบอกได้ตอนนี้ คืออิหร่านกำลังมีปัญหามากมาย” และเชื่อว่า รัฐบาลเตหะรานจะเข้าสู่กระบวนการเจรจา
.@POTUS on negotiations with Iran: "Nothing is too late. The only thing too late is Powell." pic.twitter.com/g7x5b9u8Gw
— Rapid Response 47 (@RapidResponse47) June 18, 2025
ผู้นำสหรัฐกล่าวด้วยว่า อิหร่านถึงขั้นเป็นฝ่ายเสนอ ว่าจะส่งคณะผู้แทนเดินทางมายังทำเนียบขาว เพื่อเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ ด้วยความหวังว่า จะนำไปสู่การยุติปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล “แต่ช้าเกินไปมาก” เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้ “แตกต่างจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมาก” อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวว่า “ยังไม่สายเกินไป” สำหรับการเจรจา
No Iranian official has ever asked to grovel at the gates of the White House. The only thing more despicable than his lies is his cowardly threat to “take out” Iran’s Supreme Leader.
— I.R.IRAN Mission to UN, NY (@Iran_UN) June 18, 2025
Iran does NOT negotiate under duress, shall NOT accept peace under duress, and certainly NOT…
ด้านสำนักงานคณะผู้แทนถาวรอิหร่านประจำสหประชาขาติ ( ยูเอ็น ) ออกแถลงการณ์ ตอบโต้คำกล่าวของทรัมป์ โดยยืนยันว่า อิหร่านไม่เคยมีแผนส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปยังทำเนียบขาว และสิ่งที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าคำโกหกนั้น คือการข่มขู่อย่างขี้ขลาด ว่าจะ “กำจัด” อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี.
เครดิตภาพ : AFP