ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายสมฤทธิ์ วงษ์สวัสดิ์ ประธานสภาเกษตรกร จ.สมุทรสงครามได้ประชุมสภาเกษตรกรฯ มีสมาชิกและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมเห็นชอบร่างข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อเสนอต่อสภาเกษตรกรแห่งชาติ และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีหลายเรื่อง เช่นการแก้ปัญหาหนอนหัวดำและแมลงดำหนามระบาด ทำให้ผลผลิตมะพร้าวลดลงและบางพื้นที่ต้นมะพร้าวถูกทำลายอย่างรุนแรงจนยืนต้นตาย เสียหายเป็นวงกว้าง กระทบต่ออาชีพเกษตรกรเป็นอย่างมาก

สำหรับ จ.สมุทรสงคราม มีพื้นที่ปลูกมะพร้าว 66,929 ไร่แยกเป็นมะพร้าวผลแก่ 44,352 ไร่มะพร้าวตาล 10,615 ไร่ และมะพร้าวอ่อนหรือมะพร้าวน้ำหอม 11,962 ไร่ ขณะนี้มีการระบาดของแมลงศัตรูพืช 552 ไร่ เป็นด้วงแรดมะพร้าว 235 ไร่ หนอนหัวดำ 206 ไร่ ด้วงงวงมะพร้าว 69 ไร่ และแมลงดำหนาม 41 ไร่จึงเสนอให้สนับสนุนงบประมาณพัฒนาเทคโนโลยีโดรนด้านการเกษตรฉีดพ่นสารเคมี สารชีวภัณฑ์เพื่อแก้ปัญหาหนอนหัวดำและแมลงดำหนามระบาดอย่างยั่งยืน

ส่วนข้อเสนอเชิงนโยบายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์วิจัยพัฒนาการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูมะพร้าวที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวและต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังควรส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้โดรนในการจัดการกำจัดแมลงศัตรูมะพร้าวสู่ชุมชนอย่างกว้างขวาง กับขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อสร้างอาคารแก้ปัญหาการระบาดของศัตรูพืชอย่างยั่งยืนที่ จ.สมุทรสงคราม เพื่อขยายความรู้ให้เกษตรกรสามารถป้องกันศัตรูพืชได้ด้วยตนเอง

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอเชิงนโยบายการแก้ปัญหาเรื่องการเสียภาษีของวิสาหกิจชุมชน เนื่องจาก จ.สมุทรสงครามมีวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนและยังดำเนินกิจการอยู่จำนวน 196 แห่ง แบ่งเป็น อ.เมือง 72 แห่ง อ.อัมพวา 61 แห่ง อ.บางคนที 63 แห่ง มีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้แก่เศรษฐกิจฐานรากและสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ผ่านมาวิสาหกิจชุมชนจำนวนมากประสบปัญหาจัดการเรื่องภาษีเงินได้ เพราะส่วนใหญ่รายได้ไม่มากและยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ขาดความเข้าใจในกฎหมายภาษีขาดความรู้ด้านบัญชีและการจัดทำเอกสาร ส่งผลให้บางกลุ่มเลี่ยงการเสียภาษีหรือถูกตรวจสอบย้อนหลังโดยกรมสรรพากรซึ่งสร้างภาระและความกังวลให้กับสมาชิก

อย่างไรก็ตามการกำหนดให้กลุ่มวิสาหกิจชุมขนต้องเสียภาษีเมื่อมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน จึงเห็นว่าควรปรับฐานการคิดภาษี สำหรับการยื่นแบบ ภ.ง.ด.91 จาก 1.8 ล้านบาท เป็น 2.5 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มวิสาหกิจชมชนส่วนใหญ่ มีรายได้ระหว่าง 1.8 -2 ล้านบาท ที่สำคัญหากปีนั้นกลุ่มมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท เพียงเล็กน้อยก็ต้องเสียภาษีทำให้กลุ่มประสบปัญหาด้านรายได้เป็นอย่างมาก

ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาวัสดุเหลือใช้จากเปลือกมะพร้าวได้จัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายเช่นกัน เนื่องจากที่ ต.ดอนมะโนรา ประสบปัญหาไม่สามารถกำจัดเปลือกมะพร้าวที่เป็นวัสดุเหลือทิ้งจำนวนมากเพราะไม่มีพื้นที่ว่างเนื่องจากเป็นการเกษตรแบบยกร่องสวน จึงเกรงว่าจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงศัตรูมะพร้าว ปัจจุบันชาวสวนแก้ปัญหาด้วยการจ้างรถบรรทุกขยะนำไปทิ้ง ทำให้เสียค่าใช้จ่ายและเพิ่มต้นทุน จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาถ่ายทอดความรู้การจัดการวัสดุเหลือใช้จากเปลือกมะพร้าวให้เกษตรกรเพื่อลดต้นทุนและใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่ารวมทั้งต้องการเครื่องจักรกลในการจัดการเปลือกมะพร้าวด้วย.