เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 23 มิ.ย. 68 ขณะที่ ร.ต.อ.ศุภชัย ขันอาสา รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ออกตรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า เกิดเหตุสามีภรรยามีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันเสียงดัง เกรงว่าจะเกิดรุนแรง ต่อชีวิตและทรัพยสิน ภายในซอยโรงน้ำแข็ง ถนนนิตโย เทศบาลนครอุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุจึงนำกำลังสายตรวจ 191 รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่ด้านหลังอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น พบคู่สามีภรรยากำลังส่งเสียงด่าทอกันเสียงดังสนั่นซอย ทราบชื่อภายหลังว่า น.ส.เหมียว อายุ 28 ปี และนายขอด อายุ 36 ปี ทั้งคู่เป็นชาว ต.หนองย่างทอย ต.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อตำรวจไปถึง น.ส.เหมียว ได้ตะโกนด่านายขอด อ้างว่าถูกนายขอด ทำร้ายทุบตี พร้อมกับเปิดแขนเสื้อด้านขวา โชว์รอยฟกช้ำที่ต้นแขน และรอยแผลแตกที่ริมฝีปากด้านใน ก่อนจะตะโกนเถียงกันไปมา ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน จนมีการท้าทายขอเลิกกัน นายขอดบอกจะเอาเงินและทรัพย์สินคืนทั้งหมด เพราะถูกภรรยาทำร้ายเหมือนกัน อยู่ดีๆ ก็มากระทืบตนก่อน

เมื่อสอบถามสาเหตุที่ทะเลาะกัน ต่างฝ่ายต่างก็บอกไม่รู้ น.ส.เหมียว บอกว่า อยู่ดีๆ สามีก็อารมณ์ขึ้น ทุบตีตนจนเป็นรอยฟกช้ำ ปากที่แตกก็ยังไม่หายดียังเจ็บอยู่ ไม่รู้สามีเป็นอะไร แต่ที่เจ็บใจที่สุด เขาทุบรถกระบะของแม่ตน ตนเสียใจและเจ็บใจมาก ตอนแรกก็พูดคุยกันอยู่ดีๆ พอคุยกันเรื่องเงิน เขาก็บอกจะขอแบ่งเงินค่าจ้าง ตนบอกไม่ให้ เขาก็ตีทันที เขามาแต่ตัวมีสิทธิอะไรจะมาแบ่งทรัพย์สิน รถกระบะก็เป็นชื่อของแม่ตน ตนรับเหมาก่อสร้าง มารับงานปูพื้นกระเบื้องยาง ที่อาคารนี้ 1 หมื่นบาท ตนหางาน สามีก็เป็นหัวหน้าช่าง ถ้าจะเลิกกันก็ให้เขาไปแต่ตัว

ด้านนายขอด บอกว่า ตนกับภรรยามีลูกด้วยกัน 1 คน เป็นผู้หญิงอายุ 3 ขวบ มารับเหมาที่นี่เมื่อวานนี้ ผู้ว่าจ้างก็ใจดีให้พักอาศัยในอาคารได้ ตนเป็นช่างอยู่แล้ว มีลูกมือเป็นพ่อตาและหลานชาย เลิกงานมาก็อยากพักผ่อน เสร็จงานตนก็มานอนลงใกล้กับภรรยา แต่ก็บ่นว่าทำไมซื้อข้าวมาน้อย พวกตนทำงานหนักมาทั้งวัน กินยังไงถึงจะอิ่ม จากนั้นภรรยาก็งอน เดินหนีไปนอนอีกมุม แล้วก็เริ่มมีปากเสียงกัน ภรรยาก็เข้ามาทุบตี มีดึงผม และกระทืบตน ตนตั้งหลักได้ก็ผลักออก ตนไม่ได้ตีภรรยาเลย เขาอารมณ์ร้าย ทำร้ายตนบ่อยๆ เช่นกัน

โดยเบื้องต้นตำรวจได้แนะนำว่า หากจะเลิกกันจริงๆ ก็ให้ตกลงกันต่อหน้าพนักงานสอบสวน และให้ น.ส.เหมียว ไปแจ้งความที่โรงพัก แต่วันนี้ให้แยกกันอยู่ก่อน เพราะกลัวจะทะเลาะกันจนบานปลาย นายขอด ก็ไม่ยอม เพราะห่วงลูกสาว ส่วน น.ส.เหมียว ก็บอกว่าตนและพ่อขับรถยนต์ไม่เป็น หลังจากไกล่เกลี่ยกันอยู่ประมาณ 30 นาที ทั้งคู่ก็เริ่มใจเย็นลง นายขอด ได้เดินไปขอโทษ น.ส.เหมียว รับปากจะไม่ทำแบบนี้อีก ก่อนที่จะเข้าไปหอมแก้ม แต่ น.ส.เหมียว ก็ปัดป้องด้วยอาการงอนเล็กน้อย แต่ น.ส.เหมียว ก็ตกลงให้อภัยในที่สุด ตำรวจจึงว่ากล่าวตักเตือนและให้ทั้งคู่กลับไปพักผ่อน.