จัดเป็นหนึ่งในนักแสดงอารมณ์ดีที่ไม่ว่าจะทำไรก็เป็นกระแสอยู่เสมอ สำหรับ “นิกกี้ ณฉัตร” นักแสดงและยูทูบเบอร์ชื่อดัง ที่ก่อนหน้านี้ ได้เผยคลิปวิดีโอ “มาอัปเดต 3 ปี ชีวิตพ่อในเรือนจำ ตอนนี้นอนห้องเดียวกับพี่เสก!” ผ่านช่องยูทูบของตัวเอง พร้อมเปิดใจถึงความรู้สึกของการไปเยี่ยมคุณพ่อที่เรือนจำมีนบุรี หลังห่างหายจากการเยี่ยมมานานกว่า 2 เดือน ตามที่ข่าวได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด นิกกี้ ได้อัปเดตชีวิตของคุณพ่อกับพี่เสกอีกครั้ง ในงาน “ศึกยิงลูกโทษระดับช้างของหนุ่มๆ ซุปตาร์” พร้อมทั้งเปิดใจอยากเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม โดยเจ้าตัวเผยว่า
“สำหรับเรื่องที่หลายคนสงสัยว่าผมเตรียมตัวที่จะมีคนใหม่ ยังๆ ผมเรื่อยๆ ชีวิตผมแฮปปี้มีความสุขมาก ชีวิตช่วงนี้มาทำบริษัทมีน้องๆ ต้องดูแล ก็เลยขยันทำงานมากขึ้น ไม่มีวอกแวก ถามว่ายังกลัวกับฉายาที่ผู้หญิงไม่กล้าเข้าหาอยู่ใช่ไหม ผมโดนใส่ร้ายตัวจริงน่ารักครับ ตัวจริงน่ารักเรียบร้อย แต่ภาพลักษณ์สมัยก่อนทำงานกับผู้หญิงเยอะ ก็เลยดูเป็นคนแบบว่าเจ้าชู้ แต่จริงๆ ไม่ใช่จริงๆ คนน่ารัก
แต่ที่ภาพจำมันเป็นอย่างนั้นเพราะว่าทำงานคอนเทนต์แบบนั้นเยอะ พออายุเยอะขึ้นคอนเทนต์ผู้หญิงก็น้อยลงแทบจะไม่มีแล้ว เดี๋ยวนี้เวลาถ่ายคอนเทนต์ผู้หญิงคนก็ไม่ได้ดูเยอะเหมือนสมัยก่อน เดี๋ยวนี้ก็พยายามทำให้โตขึ้น ก็จะเป็นนิกกี้คนเก่าที่ดีขึ้น อย่าเป็นคนใหม่เลยเดี๋ยวคนหาว่าขี้โม้ ซึ่งการล้างภาพจำของเราก็จะค่อยๆ ปรับตามอายุ ตอนนี้ก็เริ่มปรับแล้วโดนตัวผู้หญิงน้อยแล้ว ให้เกียรติเพศแม่มากขึ้น คือชินกับการอยู่แบบนี้แล้วไปไหนไม่ต้องบอกใคร

ส่วนเรื่องนอยด์ไหมที่มีคนมองว่าเราเป็นแบบนั้น เอาจริงๆ ใครจะมองแบบไหนก็แล้วแต่เขา ซึ่งเวลาคอมเมนต์ผมก็ไม่ค่อยเข้าไปอ่าน ก็อ่านไม่ไหวตามันลาย คนคอมเมนต์เยอะเกิน แต่เรารับรู้ได้ถ้ามีข่าวเราแล้ว ถ้ายิ่งคอมเมนต์เยอะๆ ก็รับรู้ได้เพราะเขาคงไม่ชมเราหรอก ก็เลยเลือกที่จะไม่เข้าไปอ่านดีกว่า ซึ่งคอมเมนต์ไหนที่ด่าผม ผมไม่ค่อยสวนกลับ แต่ถ้าบางคนด่าถึงพ่อผมมันก็จะขึ้นนิดนึง แต่พอจะหาตัวเขา มันก็หาตัวยาก เพราะว่าเป็นแอคหลุม ถ้าจะไปจ้างทนายก็ต้องเสียตังค์อีก เลยคิดว่าไม่เป็นไรดีกว่าปล่อยเขาไป”
ดาราดัง เล่าต่อว่า “สำหรับสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นเพราะคอมเมนต์หรือว่าอย่างไร ถึงมันอายุเยอะขึ้น แรงดีดเดี๋ยวนี้มันไม่ค่อยเหมือนเมื่อก่อน พออายุเริ่ม 35 แล้วก็เริ่มเบา ถามว่าคนรอบข้างทักไหมว่าเราเปลี่ยนไป อย่าง “แจ็ค แฟนฉัน” หลังๆ ก็ไม่ค่อยได้คุย แต่คนที่เปลี่ยนของจริงเลยคือ แจ็ค แฟนฉัน อันนี้คือดีขึ้นของจริงไม่ได้สร้างภาพ ตั้งแต่มีลูกก็เลิกเที่ยว เลิกทะลึ่ง แต่ “พ่อป๋อง กพล” เนี่ยสร้างภาพ แต่ผมอยู่ตรงกลางระหว่างพ่อป๋อง กพล และแจ็ค แฟนฉัน อาจจะยังไม่ดีเท่าแจ็ค แฟนฉันแต่ดีกว่าป๋อง (ยิ้ม)

สิ่งที่เห็นชัดมากที่สุดในการเปลี่ยนแปลงของเราที่ดีขึ้นจริงๆ เลยคือเลิกโดนตัวผู้หญิง เพราะเดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขากลัวเรา เพราะสมัยก่อนเราโดนตัวผู้หญิงมั่วซั่ว ทุกวันนี้ก็จะบอกดาราว่า เป็นคนใหม่แล้วนะจ๊ะ ตอนนี้ดีขึ้นแล้วจ้า ไม่ได้เป็นคนเดิมแล้วจ้ะ แล้วก็จะเปลี่ยนรูปแบบการทำคอนเทนต์ เจอผู้ใหญ่เยอะขึ้น คนการเมืองบ้าง เพราะว่าอยากรู้ข่าวสารบ้านเมืองมากขึ้นด้วย
ส่วนสเต็ปต่อไปเราก็อยากเปลี่ยนเรื่องการพูด อยากพูดเพราะขึ้น บางทีอยู่ต่อหน้าสื่อก็พูดไม่ค่อยเพราะ ก็อยากจะพูดจาให้ดีขึ้น เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม บางทีเราพูดไม่เพราะคนก็อาจจะดูเราเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี(หัวเราะ) ซึ่งอันนี้เราคิดเอง พอเราดูตัวเองเราไม่ชอบ เราเป็นคนไม่กล้าดูตัวเองเพราะมันดูไม่น่ารัก แต่เราเคยไปปฎิบัติธรรมมาแล้ว ไปทำคอนเทนต์ปฎิบัติธรรมแต่ไม่มีคนดู แต่พอไปปฎิบัติธรรมจริงๆเพราะว่าเป็นคนใจร้อน พูดไม่ค่อยคิด เลยไม่ชอบตัวเองด้วยก็อยากเป็นคนดีขึ้น ผมไม่เคยชอบตัวเองมาตั้งแต่แรก แต่ถ้าเกิดเราเปลี่ยนตัวเองแล้วมันสวนทางกับยอดวิวเราก็จะพยายามทำให้ดีขึ้นทำสลับกันมากขึ้น”

นิกกี้ เผยต่อว่า “ส่วนเรื่องของคุณพ่อผมไปเจอกับ ”พี่ธนกฤต “ เขาบอกว่า พี่เสกมานอนกับคุณพ่อ ตัวเราก็ไม่ค่อยได้คุยกับพ่อเดือนนึงคุยกันครั้งหนึ่ง พอเราเจอเราก็ถามว่าจริงไหมที่เขาบอกว่าพี่เสกนอนอยู่ข้างพ่อ ซึ่งผมก็ฝากเงินให้พ่อเหมือนเดิม แต่ว่าพี่เสกเขาเลี้ยงข้าวพ่อบ่อย ส่วนเงินที่ผมฝากให้พ่อก็เดือนละ15,000 บาทเหมือนเดิม แล้วเราก็ฝากข้อความถึงพี่เสกผ่านพ่อไปว่า ถ้าพ่อออกมาเมื่อไหร่แล้วพี่เสกออกมาเมื่อไหร่ให้พ่อชวนพี่เสก ออกมาเล่าเรื่องราวให้ฟังด้วย
พอพี่เสกอยู่ข้างในนั้นเขาก็ทำความดี ร้องเพลงแต่งเพลงให้ให้กำลังใจผู้คน ช่วงแรกๆพอเล่าให้ฟังว่าพี่เสกเลี้ยงข้าวอยู่บ่อยๆ แต่ช่วงนี้พี่เสกมีภารกิจที่ต้องไปร้องเพลงตามแดนต่างๆ แต่คุณพ่อไม่ต้องไปด้วยเพราะคุณพ่อเล่นกีตาร์ไม่เป็น พ่อรออยู่ที่เดิม ถามว่าพ่อมีลูกเป็นศิลปินนะ แต่ลูกก็ร้องไม่ได้ ก็อัปเดตกับคุณพ่ออยู่ตลอด ซึ่งเขาก็บอกว่าพี่เสกน่ารักอยู่กับพ่อ เลี้ยงข้าวร้องเพลงให้พ่อฟัง ส่วนพ่อผมปลายปีนี้ถ้ามีข่าวดีก็อาจจะได้ออกเพราะว่าติดมาเกือบสามปีแล้ว
