เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีตนักการเมืองชื่อดัง อัดคลิปยืนยันไม่ได้จะกลับมาลงเล่นการเมือง หรือตั้งพรรค แต่เป็นพลพรรคชื่อว่า “พลพรรครักประเทศไทย” โดยเผยแพร่ผ่านแฟนเพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว โดยระบุว่า “วันนี้ผม ชูวิทย์กลับมาอีกครั้งนะครับ” ในชีวิตที่เฉียดความตายขนาดเส้นยาแดง เมื่อหลายวันก่อนผมจะไปออกรายการสรยุทธกรรมกรข่าว ก็มีผู้สื่อข่าวจำนวนมากที่ให้ความกรุณายังระลึกถึงผม โทรฯ หาผม ผมก็ต้องขอเรียนนะครับ ว่าผมคงไม่สามารถจะไปเดินสายให้สัมภาษณ์ใครต่อใครได้

“แต่ผมยืนยันว่าช่วงปลายชีวิตของผมจะทำนั้นไม่ใช่การตั้งพรรค แต่เป็นพลพรรครักประเทศไทย” ท่านลองดูการเมืองปัจจุบันนี้ดูเอาละกันว่า ท่านเคยพึ่งนักการเมืองได้ไหม บรรดานักการเมืองทุกคนหวังอยู่อย่างเดียวคือหวังจะเป็นรัฐบาล เพื่อที่จะไปตอบแทนนายทุน ธุรกิจ การเมือง ดังนั้นประชาชนขาดที่พึ่ง ถึงเวลาเลือกตั้งก็มาบอกเรื่องเทคนิค พอเลือกตั้งเสร็จก็ปรับเทคนิคไปเป็นรัฐบาล ลักษณะนี้ทำอย่างนี้หลายครั้งหลายคราโดยการหลอกลวงประชาชน แล้วหลังเลือกตั้ง เราก็ต้องจำใจดูลิเกการเมือง

พี่น้องครับผมกลับมาในฐานะพลพรรครักประเทศไทย ในการให้แสงสว่างแห่งปัญญา เสริมภูมิปัญญาของชาวบ้าน คุณป้าข้างถนน คุณน้าขับแท็กซี่ คนที่ทำงานในออฟฟิศ เพื่อที่จะรู้จักนักการเมือง รู้จักนักการเมือง เพื่อรู้จักนักการเมืองไทย วันนี้เราต้องรู้เท่าทัน วันนี้ผมกลับมาในฐานะของภาคประชาชน ผมไม่ได้ไปลงเลือกตั้งหาเสียงเพื่อที่จะเป็นนักการเมืองหรือจะให้มาอยู่กับผม ผมจะได้มีรัฐบาล

พลพรรครักประเทศไทยนั้น ก็คือประชาชนคนไทยที่รักประเทศไทย และมีความหวังกับประเทศไทย แต่เราตั้งความหวังนี้กับนักการเมืองไม่ได้อีกต่อไป นับวันนักการเมืองไทยจะไม่มีอุดมการณ์ จะเป็นการต่อรองเพื่อผลประโยชน์จากการเป็นรัฐบาล จนกระทั่งยอมทำทุกอย่าง แม้กระทั่งขายจิตวิญาณของตัวเอง ท่านคิดดูแล้วกันว่าถ้าประเทศเราเป็นแบบนี้ เราจะมีความเจริญหรือไม่ วันนี้พลพรรครักประเทศไทย ทุกท่านที่เป็นประชาชนคนไทย ทุกหมู่เหล่า ทุกภาค ทุกชนชั้น ก็สามารถมาฟังผม ไม่ใช่ว่าผมฉลาด ผมเก่ง แต่สิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้ มักจะเป็นแบบที่ผมพูดเสมอ

ระยะที่ผมป่วยไป 2 ปีที่ไปรักษาตัว วันนี้ร่างกายผมเริ่มดดีขึ้น ชีวิตคนเราที่มันอยู่ระหว่างเสรีภาพ ติดคุกติดตะราง แล้วเรียนรู้จากเสรีภาพ ชีวิตที่เราใกล้เฉียดความตาย เรียนรู้แล้วนำประโยชน์นั้นมาพูด โดยไม่สรรหาประโยชน์ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ ดูอย่างเรื่องกัญชาสิ่งที่ผมพูดไปเรื่องกัญชาวันนี้ มันเป็นแบบที่ผมพูดทุกประการ เรื่องการปลดล็อกกัญชาโดยไร้กฎหมายควบคุม เป็นนโยบายหาเสียงที่ไม่รับผิดชอบ มองว่าเป็นเรื่องของเสรีกัญา ล้วนแล้วแต่มีผลเสีย ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามแบบที่ผมพูด ผมไม่เคยสนับสนุน มีแต่สนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์ สิ่งนี้ก็ส่งผลออกมมาในทุกวันนี้

“ผมขอเรียนให้ทราบว่า ผมไม่ได้ต้องการอำนาจวาสนา ผมไม่มีครับ ผมคือประชาชนคนธรรมดาที่กล้านำเอาสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมมาพูดให้ท่านฟัง นั่นคือหน้าที่ของผม ผมไม่ได้ปรารถนาจะได้ตำแหน่ง ไม่ได้ปรารถนาจะตั้งพรรคเพื่อจะไปแข่งแย่งชิงอำนาจ แต่เมื่อสังคมต้องการคนพูดความจริงสักหนึ่งคน เสียงกระซิบของผมในความเงียบทั้งหมด มันอาจจะดังกังวานขึ้นมา” เพื่อให้ท่านได้ระลึกถึง เพื่อให้ท่านได้นึกถึงว่าผู้ที่พูดพูดแสดงความคิดเห็น ใช้ในการสื่อสารกับท่าน ไม่ใช่เฉพาะตอนเลือกตั้ง ไม่ใช่เพราะเป็นรัฐบาล ไม่ใช่เพราะเป็นนักการเมือง เราต้องการภาคประชาชนเข้มแข็ง การเมืองเราถึงจะอยู่ได้ อย่าคิดไปหวังพรรคการเมือง อย่าไปคิดหวังนักการเมือง “ทุกวันนี้ผมอ่านเรื่องการเมืองเหมือนดูหนังการ์ตูน ที่เราดูแล้วสนุกสนาน บางครั้งความสนุกสนานกลายเป็นความสงสาร จากความสงสารแปลสภาพเป็นความสมเพช ผมขอพูดเพียงสั้นๆ ฝากถึงทุกๆ คนว่า ผมชูวิทย์จะกลับมาครับ ขอบคุณครับ”..

ขอบคุณคลิปจาก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว