จากกรณีกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศให้ใช้กัญชาเฉพาะทางการแพทย์ พร้อมสั่งห้ามจำหน่ายโดยไม่มีใบอนุญาต รวมถึงห้ามขายผ่านออนไลน์ รวมถึงห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุม หรือสินค้าที่แปรรูปจากสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้

อ่านข่าวต่อ : ประกาศใช้กัญชาตามใบสั่งแพทย์ ส่งถึงมือ ‘สมศักดิ์’ ก่อนส่งเข้าครม.

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “นายอิทธิศักดิ์ เห็นใจชน” กรรมการบริหาร บริษัทโกลเด้นลิฟ ไทยแลนด์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจกัญชาเพื่อการแพทย์รายใหญ่ในภาคตะวันออก เปิดเผยว่า “ไม่อยากให้รัฐบาลนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ชี้เป็นพืชควบคุมทางการแพทย์ดีแล้ว ขอให้เร่งออก พ.ร.บ.เกี่ยวกับกัญชาออกมา เพื่อจะได้ควบคุมจัดระเบียบ ให้เหมือนกันทั่วทั้งประเทศ ตนเองเห็นด้วยกับการควบคุมกัญชาเพื่อทางการแพทย์ แต่ไม่เห็นด้วยกับการนำกลับไปเป็นยาเสพติด”

“อยากให้รัฐบาลเร่งออก พ.ร.บ.ควบคุม เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติเดียวกันทั่วทั้งประเทศ ซึ่งถ้าเปลี่ยนกลับไปเป็นยาเสพติด ก็จะส่งผลกระทบต่อร้านกัญชา ร้านคาเฟ่กัญชา ที่มีการลงทุนเปิดกันทั่วประเทศไปแล้ว นำเสนอคลินิกออนไลน์ในการแนะนำปรึกษาแพทย์ จ่ายยา ออกใบรับรองได้ โดยให้คลินิกกัญชา ทำลิงก์ตรงกับร้านจำหน่ายกัญชาไปเลย และไม่อยากให้เอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แต่อยากให้เป็นพืชควบคุมอย่างนี้ดีแล้ว”

นอกจากนี้ นายอิทธิศักดิ์ กล่าวอีกว่า “ในเรื่องที่รัฐบาลจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดนั้น ในฐานะตนเองทำฟาร์มกัญชานี้ ก็เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์อยู่แล้ว แต่จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ร้านกัญชาคาเฟ่ หรือร้านที่จำหน่ายกัญชาเพื่อสันทนาการ ซึ่งรัฐบาลจะต้องให้ความชัดเจนกับผู้ประกอบการเหล่านี้ด้วย เนื่องจากในการลงทุน หรือที่ดำเนินกิจการที่ผ่านมา ได้ใช้เงินลงทุนมาเป็นจำนวนมาก และมีการเปิดอย่างแพร่หลายอยู่ในประเทศ ซึ่งตนเองเห็นด้วยกับเรื่องกัญชาทางการแพทย์ เพราะมีการควบคุมการดำเนินกิจการ ซึ่งตอนนี้ตนเองมองว่ายังไม่กลับไปเป็นยาเสพติด แต่เป็นพืชควบคุม ส่วนถ้าให้กลับไปเป็นยาเสพติด ก็จะเกิดปัญหากับการปลูกกัญชาเพื่อทางการแพทย์ จึงอยากให้รัฐบาลทำกัญชาให้เป็นพืชควบคุมจะดีกว่า เพราะถ้ากลับไปเป็นยาเสพติด ก็จะมีปัญหามีผู้ไม่เห็นด้วยออกมาประท้วงกันอีก”

“ซึ่งถ้าเป็นพืชควบคุมทางการแพทย์ ก็จะสามารถให้คำแนะนำกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือผู้ป่วยเดินทางเข้ามารักษาได้ เพื่อให้เข้าใจถึงประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์ได้ และในการใช้ก็สามารถออกกฎห้ามนำไปใช้ในที่สาธารณะ เพื่อไม่ให้ไปรบกวนคนทั่วไป หรือออกใบอนุญาตให้บุคคลดังกล่าว สามารถใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ ซึ่งจะทำให้ต่างชาติเห็นการควบคุมกัญชาของประเทศไทย เป็นการควบคุมที่ถูกต้อง ที่ผ่านมาที่ภาครัฐจะออก พ.ร.บ.เกี่ยวกับกัญชา ก็ยังไม่สำเร็จ ตนเองมองว่าเป็นเกมการเมืองทำให้การออก พ.ร.บ. ยังไม่สำเร็จ”

“แต่ตนเองเห็นด้วยกับการที่นำกัญชาไปใช้ในทางการแพทย์ แต่ทางด้านร้านค้า หรือร้านคาเฟ่กัญชา ที่ใช้ในสันทนาการ เราจะแก้ไขอย่างไร ควรมีการอบรมให้ความรู้กับผู้ประกอบการเหล่านี้ หรือการเปิดคลินิกออนไลน์ ที่สามารถลิงก์ตรงกับร้านค้าเหล่านี้ เพื่อให้แพทย์สามารถพูดคุยกับลูกค้าโดยตรง สามารถพูดคุยกับลูกค้า สามารถออกใบรับรองแพทย์ หรือสั่งจ่ายให้กับผู้ที่นำไปใช้ในทางการแพทย์ได้เลย อย่างน้อยควรให้ระยะเวลาการปรับปรุง หรือแก้ไข ไม่ใช่ออกกฎหมายมาแล้วให้ปฏิบัติตามทันที มันก็จะเกิดความเสียหาย ซึ่งมีทั้งผู้ได้รับผลประโยชน์และเสียประโยชน์ เราต้องมามองสองฝั่ง ส่วนที่เสียประโยชน์จะแก้ไขอย่างไร”

โดยข้อดีของกฎหมายฉบับนี้คือ (ใช้ใบแพทย์สั่งช่อดอกกัญชา) มีดังต่อไปนี้
1. สามารถควบคุมการใช้ในเชิงสุขภาพมากขึ้น ป้องกันการใช้กัญชา “เพื่อสันทนาการ” โดยไม่เหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ช่วยลดปัญหา “การเสพติด” และอาการทางจิตในผู้ที่ใช้โดยไม่มีความรู้
2. สร้างมาตรฐานความปลอดภัย เพราะช่อดอกกัญชามีสาร THC สูง ซึ่งมีฤทธิ์ต่อจิตประสาท ให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยและสั่งจ่าย จะลดความเสี่ยงจากการใช้ผิดวิธี
3. ยกระดับสถานะกัญชาเป็น “ยาทางเลือก” ทำให้การใช้กัญชามีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในวงการแพทย์ เปิดทางสู่การพัฒนายากัญชาตามมาตรฐาน อย. และ สสจ.
4. เป็นประตูสู่การส่งออกในอนาคต การควบคุมโดยใบแพทย์จะทำให้ไทยเป็นประเทศที่ถูกมองว่ามีระบบการใช้กัญชาทางการแพทย์ที่จริงจังและปลอดภัย ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น EU, IMC (อิสราเอล)

อีกทั้ง ข้อเสียของกฎหมายนี้ มีดังต่อไปนี้
1. จำกัดโอกาสของผู้ประกอบการรายย่อย ร้านขายกัญชาเพื่อสุขภาพต้องปิด หรือเปลี่ยนรูปแบบไปขายเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีช่อดอก เช่น น้ำมันกัญชา, ใบแห้ง, ชากัญชา ทำให้รายได้จากการขายช่อดอก ซึ่งเป็นรายได้หลักของหลายฟาร์มจะหายไป
2. ขาดความพร้อมของระบบแพทย์ แพทย์แผนไทย และแพทย์แผนปัจจุบัน ที่สามารถสั่งช่อดอกมีจำกัด คนไข้ที่ต้องการใช้อาจเข้าถึงแพทย์ได้ยาก (โดยเฉพาะต่างจังหวัด)
3. ผู้ป่วยบางกลุ่มจะถูกผลักออกจากระบบ เดิมผู้ป่วยใช้กัญชาด้วยตนเองเพื่อรักษาโรค เช่น นอนไม่หลับ หรือปวดเรื้อรัง หากต้องพึ่งใบแพทย์เสมอ อาจเกิดความไม่สะดวกและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
4. ตลาดเถื่อนอาจกลับมา การจำกัดการซื้อขายช่อดอกในระบบ อาจกระตุ้นให้เกิด “ตลาดใต้ดิน” คนหันไปซื้อกัญชาจากแหล่งที่ไม่ได้มาตรฐาน กลายเป็นปัญหาสาธารณสุขอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม “อยากฝากถึงรัฐบาลว่า ให้เร่งดำเนินการในเรื่องของ พ.ร.บ.ที่จะเกิดขึ้นด้วย เพื่อจะได้เกิดความคุ้มครองทั่วทั้งประเทศ นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่มีคุณวุฒิในด้านกัญชาที่เรียนมาโดยตรง จบจากมหาวิทยาลัยก็สามารถมาให้ทำงาน ช่วยให้ความรู้และจำหน่ายสมุนไพรช่อดอก ในร้านกัญชาที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ ลดขั้นตอนในการทำงานดำเนินการคนใช้ก็จะรู้สึกปลอดภัย คนที่มารักษาก็จะรู้สึกดี มุมมองของประเทศก็จะดีขึ้น และอยากฝากว่าไม่อยากให้เอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แต่อยากให้เป็นพืชควบคุม อย่างนี้ดีแล้ว” นายอิทธิศักดิ์ กล่าว