จากกรณีเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติรับตรวจสอบข้อร้องเรียนเบื้องต้นกรณีคณะ สว. กล่าวหา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จงใจกลั่นแกล้ง สว. ให้ได้รับความเสียหาย กรณีมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือก สว. ต่อพยาน 2 ราย โดยไม่ได้แต่งเครื่องแบบและแสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อบังคับให้อดีตผู้สมัคร สว. รับสารภาพกระทำความผิดฮั้วเลือก สว. นั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รายงานว่า ตามที่ปรากฏข่าวตามช่องทางสื่อสารมวลชนต่าง ๆ ว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติรับตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น กรณีคำร้องกล่าวหา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในเรื่องที่มีผู้ร้องกล่าวหาว่า มีกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ เพื่อสอบสวนเกี่ยวกับคดีพิเศษ กรณีกล่าวหาว่ามีการกระทำความผิดทางอาญาฐานอั้งยี่และฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เมื่อ พ.ศ. 2567 โดยมิได้แต่งเครื่องแบบและไม่แสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่รัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอชี้แจงต่อสาธารณชน ว่า กรณีดังกล่าวเป็นการลงปฏิบัติงานของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในพื้นที่ เพื่อทำการสืบสวนและสอบสวนภายใต้อำนาจหน้าที่แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่ให้เริ่มการสอบสวนโดยมิชักช้า จะทำการในที่ใด เวลาใด แล้วแต่จะเห็นสมควร โดยผู้ต้องหาไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วย
กรมสอบสวนคดีพิเศษ รายงานอีกว่า ในการปฏิบัติภารกิจดังกล่าวพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเข้าพบพยานบุคคลตามที่ได้นัดหมายไว้เพื่อซักถามข้อเท็จจริงในประเด็นที่พยานเกี่ยวข้อง โดยมิได้มีการข่มขู่ คุกคาม บุกรุก หรือทำให้ทรัพย์สินอื่นใดเสื่อมค่าตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด สำหรับประเด็นที่ไม่ได้แต่งเครื่องแบบในการปฏิบัติหน้าที่นั้น ขอชี้แจงว่าการลงปฏิบัติงานในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จะใช้การแสดงตนโดยไม่จำเป็นต้องสวมเครื่องแบบ เว้นแต่กรณีที่จะเข้าทำการตรวจค้นโดยหมายของศาล เจ้าหน้าที่จึงจะแต่งเครื่องแบบและแสดงหมายค้น อันเป็นหลักปฏิบัติเช่นเดียวกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่น ๆ ดังนั้น จึงเป็นการปฏิบัติงานที่เป็นไปตามอำนาจหน้าที่โดยชอบ ซึ่งก่อนหน้านี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เคยชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นเดียวกันนี้ต่อสาธารณชนแล้ว อย่างไรก็ตาม กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคน มีความยินดีและพร้อมรับการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำความจริงให้ปรากฏต่อไป.