สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ว่า เซเลนสกีกล่าวว่า รัสเซียมีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้ใจอย่างยิ่งในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเหมือน “เครื่องหมายการค้าของนักฆ่าชาวรัสเซีย”

เพื่อให้มีผลบังคับใช้ การตัดสินใจดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาของยูเครน และแจ้งให้สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ทราบ ซึ่งโดยปกติแล้ว การพ้นจากการเป็นภาคี จะมีผลบังคับใช้ภายใน 6 เดือน หลังการแจ้งอย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ตาม ภายในระยะเวลา 6 เดือนนั้น หากรัฐภาคีที่ต้องการถอนตัว เข้าไปเกี่ยวข้องในความขัดแย้งทางอาวุธ การถอนตัวจะไม่มีผลบังคับ จนกว่าความขัดแย้งทางอาวุธจะสิ้นสุดลง

เซเลนสกีเสริมว่า ยูเครนตระหนักถึงความซับซ้อนของขั้นตอนการถอนตัว ซึ่งดำเนินการในภาวะสงคราม และยูเครนกำลังดำเนินขั้นตอนทางการเมือง เพื่อส่งสัญญาณไปยังพันธมิตรทั้งหมดว่า “ต้องให้ความสำคัญกับสิ่งใด”

ด้านกระทรวงต่างประเทศของยูเครนระบุในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลเคียฟต้องให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของพลเมือง และการป้องกันประเทศอย่างไม่มีเงื่อนไข ขณะที่การตัดสินใจถอนตัวนั้น “ยากแต่จำเป็น” เพื่อปกป้องดินแดนจากการยึดครอง และพิทักษ์ประชาชนจากความโหดร้ายของรัสเซีย

ก่อนหน้านั้น พันธมิตรของรัฐบาลเคียฟอย่างโปแลนด์ ฟินแลนด์ ลิทัวเนีย ลัตเวีย และเอสโตเนีย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซีย ต่างถอนตัวออกจากอนุสัญญาออตตาวาเช่นกัน.

เครดิตภาพ : AFP