เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมานายปรีชา พงษ์พานิช รองอธิบดีอัยการภาค 1 รักษาการในตำแหน่งอธิบดีอัยการสํานักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 3 ได้ทำหนังสือถึงประธานกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องขอให้ส่งตัวผู้ถูกกล่าวหาไปฟ้อง โดยอ้างถึงหนังสือสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงพร้อมเอกสารประกอบเรื่องกล่าวหาคดีที่ ขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินคดีอาญากับ นายพิกิฎ ศรีชนะเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐเทศบาลสุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ,เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น ,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151,152,157 (ในคดีกล่าวหาทุจริตโครงการส่งเสริมการปลูกยางพารา ปี 2549 , 2550 และ 2551 เมื่อครั้งสมัยดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ยโสธร)

อัยการสูงสุดได้พิจารณารายงานการไต่สวนและความเห็นกรณีดังกล่าวข้างต้นแล้ว มีคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญาฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 1 ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ,เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา91,151,152,157 พรบ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา7,8,13

ต่อมาอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งยุติการดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เฉพาะในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152,157 เนื่องจากคดีขาดอายุความ

ซึ่งคดีนี้เหตุเกิดที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ยโสธรและต.กุดชุม อ.กุดชุม จ.ยโสธร จึงต้องฟ้องผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 และอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 3 เป็นผู้ดำเนินคดี

จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการแจ้งผู้ถูกกล่าวหา ไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 3 ในวันที่ 30 พ.ย.2564 เวลา 09.30 น.เพื่อดำเนินการฟ้องคดีตาม พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และขอให้ดำเนินการจัดการให้ได้ตัวผู้ถูกกล่าวหามาฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความตามกฎหมายต่อไป

สำหรับข้อหาที่ยังไม่ขาดอายุความ คือ ข้อหาประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท ซึ่งข้อหาคดีนี้มีอายุความ 20 ปี

เมื่อสอบถามเรื่องดังกล่าวไปยัง นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ ได้ทราบเรื่องเเละมีความเป็นห่วงเเละมีการประสานไปยังผู้เกี่ยวข้องให้นำตัวผู้ต้องหามาฟ้องในข้อหาที่ยังไม่ขาดอายุความโดยเร็ว.