จากกรณี นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” และ น.ส.สภาพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม “น้องชมพู่” อายุ 3 ขวบ หลานสาวตัวเอง เหตุเกิดในพื้นที่ บ้านกกกอก หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยคดียังอยู่ในชั้นศาล โดยภายหลังปรากฏว่า 2 ทีมทนายความ ได้แจ้งว่าจะขอถอนตัวจากการเป็นทนายให้กับฝั่งลุงพล ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
-ซาโยนาระ! ‘ทนายตั้ม’ถอนตัวคดีน้องชมพู่ ลั่นขอไปทำคดีให้คนที่เห็นคุณค่าดีกว่า
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า “วิเคราะห์การถอนตัวของทนายลุงพล” ดูจากข่าวบอกว่า เป็นเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกัน โดยทั่วไป ทนายความจะถอนตัวเรื่องความคิดเห็นไม่ตรงกันต้องเป็นความคิดเห็นในการต่อสู้คดีเท่านั้น เช่น ลุงพลอยากจะรับสารภาพ ทนายให้สู้คดี อะไรทำนองนี้ เรียกว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน ต้องถอนตัวเพราะกระทบต่อรูปคดี
แต่เท่าที่ติดตามข่าว เห็นมีการถกเถียงกันเรื่องค่าจ้างทนาย โดย FC ลุงพลบอกว่า ทนายได้รับค่าจ้างไป ทนายบอกว่าไม่เคยได้รับค่าจ้าง ก็ถกเถียงกันเรื่องค่าจ้างตามคดีฟรีหรือว่ารับตังค์ อันนี้หนึ่งประเด็นนะที่ วิพากษ์วิจารณ์กันหนักเลย ด่าทอกันในโซเชียลคือเรื่องนี้
เรื่องที่สองผมได้รับแจ้งจากคุณอัจฉริยะ ว่ามีทีมทนายความคนหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าคนไหน อัจฉริยะเล่าให้ฟังว่าเค้าก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในการต่อสู้คดีเหมือนกัน เพราะมันมีหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเส้นผม ตอบคำถามไม่ได้ว่าทำไมไปอยู่ในรถของลุงพล อันนี้ก็เหมือนกันนะครับ หลังจากตรวจพยานหลักฐานมันก็จะเห็นพยานหลักฐานที่แท้จริงแล้วนะ ว่าหลักฐานที่แท้จริงนั้นนิติวิทยาศาสตร์มัดลุงพลหรือไม่
แล้วก็หวังนะครับว่าการถอนตัวของทนายความนะครับ ไม่ได้มาว่า ไม่ได้มาจากสาเหตุ กลัวว่าแพ้คดีเลยหาทางลงก่อนวันที่ศาลจะตัดสิน เพราะก่อนหน้านี้ทนายที่ถอนตัวชุดนี้เนี้ย ก็เคยโม้ไว้เยอะว่าคดีนี้ ไม่มีมูล ชนะแน่ แต่มาถึงวันนี้แล้วดูท่าทาง ดูพยานหลักฐานของอัยการแล้วในวันตรวจพยานหลักฐาน อาจจะถอนใจหรือไม่ ก็ฝากไว้เป็นข้อคิดให้กับสังคมนะครับ ความจริงคือความจริง ครูปรีชากล่าวไว้..
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @ทนายคลายทุกข์