เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่บริเวณสามแยกวังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพรถนนสายเอเชีย 41 ตัดกับถนนสาย 4006 ภายหลังที่ได้มีฝนตกหนักลงมาอย่างหนักตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา รวมกว่า 10 ชม. ปรากฏว่าได้มีน้ำฝนไหลเข้าท่วมบริเวณสามแยกวังตะกอ เป็นระยะทางมากกว่า 200 เมตร ระดับน้ำสูง 30 ซม. ทำให้การเดินทางจากสามแยกวังตะกอไปยัง อ.พะโต๊ะ และ จ.ระนอง มีความยากลำบาก
นอกจากนี้ในพื้นที่ของจ.ชุมพร ส่งผลให้เริ่มมีน้ำป่าไหลทะลักลงมาจากภูเขาลงสู่พื้นราบแล้ว ขณะที่ถนนสายหลักภายในเขตเทศบาลเมืองหลังสวน ได้มีปริมาณน้ำฝนท่วมผิวการจราจรบนถนนสายหลังสวน หน้าสถานศึกษาหลายโรงเรียน รวมถึงส่วนราชการหลายแห่งระดับน้ำสูง 30 ซม. และไม่สามารถไหลลงแม่น้ำหลังสวนที่อยู่ข้างถนนได้ เนื่องจากท่อระบายน้ำมีขนาดเล็กและมีการอุดตัน
ด้านนายประกาศิต พรประสิทธิ์ นายอำเภอหลังสวน ได้ประสานงานไปยังเทศบาลเมืองหลังสวน เพื่อให้ดำเนินการสูบน้ำและแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านที่น้ำเริ่มสู่ภายในบริเวณบ้าน จำนวนหลายหลังคาเรือน
ขณะเดียวกันที่หมู่ที่ 4 ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน บนถนนสายเลียบชายฝั่งทะเลตามโครงการ “ริเวียร่า” ของรัฐบาล ได้เกิดพายุฝน พัดเอาน้ำป่าไหลหลาก ทำให้ภูเขาริมถนนพังทลายลงมา ทั้งก้อนหินขนาดใหญ่และต้นไม้ขนาดใหญ่ รวมถึงขนาดเล็กหลายสิบต้น และดินโคลนจำนวน มาก ไหลลงมาทับถนนในช่วงดังกล่าวเป็นระยะทางยาวกว่า 150 เมตร ส่งผลให้ ไม่สามารถใช้ถนนในช่วงดังกล่าวได้
นายวิรัตน์ แหล่งหล้า ผู้อำนวยการหมวดบำรุงทางหลวงชนบท พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ ได้นำเครื่องจักรกลมาดำเนินการเคลื่อนย้ายก้อนหินและต้นไม้ขนาดใหญ่ออกจากจุดที่เกิดเหตุ จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถนำออกได้ทั้งหมด ทำให้ต้องปิดการจราจรเป็นการชั่วคราว คาดว่าในช่วงค่ำของวันนี้จะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จ แต่ยังมีข้อกังวลว่าต้นไม้ขนาดใหญ่และก้อนหิน รวมถึงดินโคลนจำนวนมากที่อยู่สูงขึ้นไป อาจจะถล่มลงมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้ จึงได้ประสานงานกับองค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำจืด เพื่อให้เฝ้าระวังและตั้งป้ายบอกสถานการณ์ให้กับผู้ที่เดินทางผ่านไปมา
ยังได้รับรายงานด้วยว่า ที่บ้านบางมะยังหมู่ที่ 7 ต.บางมะพร้าว อ.หลังสวน ได้เกิดก้อนหินขนาดยักษ์พร้อมด้วยดินโคลนบนภูเขาบางมายัง ถล่มลงมาทับบ้านเลขที่ 43 หมู่ที่ 7 ทำให้เกิดความเสียหาย ขณะที่น.ส.หนึ่งฤทัย บัวแสงอายุ 33 ปี กำลังอยู่ภายในบ้านกับลูกชายอายุ 3 ขวบ และ 1 ขวบ พร้อมด้วยสามี รวม 4 คน เล่าว่า ขณะที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว ได้ยินเสียงเลื่อนของดินและหิน เมื่อหันไปดูก็ตกใจสุดขีด พบว่ามีหินก้อนขนาดใหญ่น้ำหนักหลายสิบตัน กำลังไหลลงมาจากภูเขาพร้อมด้วยดินโคลนจำนวนมากจากทางด้านหลังของบ้าน จึงรีบวิ่งพาลูกชาย 2 คน และชวนสามีหนีออกมาจากบ้านได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่หินต้นไม้และดินจะลงมาทับ โชคดีที่หินก้อนดังกล่าวหยุดแค่บริเวณหลังบ้าน ไม่มีใครได้รับอันตราย จนถึงเวลานี้ทั้งดินและหินรวมถึงต้นไม้ยังคงไหลลงมาอยู่ตลอดเวลา โดยไม่รู้ว่าจะหยุดเมื่อไหร่ และไม่สามารถที่จะเข้าไปอาศัยอยู่ภายในบ้านดังกล่าวได้อีก.
