หลายคนคงเคยรู้จักคู่มือแนะนำร้านอาหาร และที่พัก ชื่อดังสัญชาติฝรั่งเศส “มิชลินไกด์” ซึ่งจะประกาศรายชื่อ “ร้านอาหาร และที่พัก” ที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล ด้วยการติดดาวการันตีให้ ซึ่งประเทศไทยเองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ก็ได้ร่วมมือกับมิชลินไกด์ ประกาศรายชื่อร้านอาหาร MICHELIN Guide Thailand อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ยอมรับว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. ได้สนับสนุนโครงการมิชลินไกด์ไทยแลนด์ ประจำปี 2560-2564 เป็นระยะเวลา 5 ปี และจัดทำคู่มือ “มิชลิน ไกด์” จำนวน 5 ฉบับ ฉบับแรกชื่อว่า “The MICHELIN Guide Bangkok 2018” และได้ขยายจังหวัดในการสำรวจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จังหวัดภูเก็ต พังงา และเชียงใหม่

สำหรับในปีที่ 4 (ปี 2563) มีการเพิ่มรางวัลประเภทใหม่ ได้แก่ MICHELIN Guide Young Chef Award เพื่อมอบให้กับเชฟรุ่นใหม่ที่โดดเด่น, MICHELIN Guide Service Award รางวัลสำหรับบุคลากรผู้ให้บริการยอดเยี่ยม และ MICHELIN Green Star รางวัลที่มอบให้กับร้านอาหารซึ่งใส่ใจ ในสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และฉบับล่าสุดปีที่ 5 ขยายพื้นที่ไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในชื่อว่า “The MICHELIN Guide Bangkok, Phra Nakhon Si Ayutthaya, Chiang Mai, Phuket & Phang-Nga 2022”

ทั้งนี้ จากผลการวิจัยโครงการประเมินภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้านอาหารของประเทศไทย สำรวจโดยบริษัท เคเนติกส์ คอนซัลติ้ง จำกัด ของ ททท. และผลการดำเนินโครงการมิชลินไกด์ไทยแลนด์ ประจำปี 2560-2563 โดย Ernst & Young สะท้อนให้เห็นว่า โครงการฯ สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในส่วนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านอาหารในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ยต่อมื้อสูงถึง 2 เท่า และในปี 2562 สร้างมูลค่าได้ถึง 842.40 ล้านบาท

ขณะเดียวกันยังเกิดการจ้างงานในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกว่า 4,800 ตำแหน่ง มีการจัดกิจกรรมทางด้านอาหารในประเทศไทย อาทิ การจัดกิจกรรมดินเนอร์กับเชฟมิชลิน เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเปรียบเทียบ จำนวนร้านอาหารระดับสตรีทฟู้ด ถึงไฟน์ ไดนิ่ง (Fine Dining) ได้รับรางวัลมิชลิน ในปี 2560-2564 พบว่า มีอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนร้านอาหาร 137% และเกิดการพัฒนาและยกระดับร้านอาหารในประเทศไทย เพื่อรักษามาตรฐานของ ร้านอาหารเพิ่มขึ้น 60% ทั้งดึงดูดเชฟชั้นนำจากต่างประเทศเข้ามาทำงานในประเทศไทย และส่งเสริมให้เกิดการลงทุน เปิดร้านอาหารระดับไฟน์ ไดนิ่ง ในประเทศไทยมากยิ่งขึ้นด้วย

นายยุทธศักดิ์ ยืนยันว่า จากความสำเร็จนี้ ททท. จึงเห็นความสำคัญของโครงการในการเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ควบคู่กับการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมผ่านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงอาหารให้เป็นที่รู้จักระดับนานาชาติ จึงได้ขยายความร่วมมือต่อเนื่องไปอีก 5 ปี จากปี 2565 ถึงปี 2569

ทั้งนี้ได้ตั้งเป้าขยายพื้นที่ สำรวจเพิ่มอย่างน้อย 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัด และเพิ่มเติมใหม่อีก 2 จังหวัด ยิ่งไปกว่านั้น จะเพิ่มเติมรางวัลประเภทใหม่ MICHELIN Guide Thailand Service Award presented by TAT ให้แก่บุคลากรผู้ให้บริการยอดเยี่ยมด้วย