เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า 6 ธันวาคม 2564 ทะลุ 266 ล้านไปแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 410,535 คน ตายเพิ่ม 3,936 คน รวมแล้วติดไปรวม 266,101,055 คน เสียชีวิตรวม 5,270,472 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซีย และอเมริกา

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 93.51 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 94.58

ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นมากถึงร้อยละ 66.82 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 59.07 เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 12 ใน 20 อันดับแรกของโลก สำหรับสถานการณ์ไทยเรา

เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 4,704 คน สูงเป็นอันดับ 20 ของโลก หากรวม ATK อีก 1,304 คน ก็ขยับเป็นอันดับ 16 ของโลก ยอดรวม ATK จะเป็นอันดับ 4 ของเอเชีย รองจากตุรกี เวียดนาม และอินเดีย

Omicron กับการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ (Superspreading events)หากจำกันได้ไม่กี่วันก่อน นอร์เวย์มีเหตุการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนใหญ่จากการจัดปาร์ตี้ฉลองก่อนคริสตมาสในร้านอาหาร โดยมีคนมาร่วมงาน 120 คน ในจำนวนนี้ตรวจพบว่าติดเชื้อไปแล้วเกือบ 70 คน แม้ตอนนี้ผลการตรวจสายพันธุ์จะคอนเฟิร์มว่าเป็น Omicron มาแล้ว 13 คน ที่เหลือผลตรวจยังไม่ออก และจัดอยู่ในกลุ่มที่คาดว่าจะเป็นเคสติดเชื้อ Omicron เนื่องจากเป็นกลุ่มสัมผัสเดียวกัน

ล่าสุดมีรายงานว่าพบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 45-50 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไปใช้บริการในสถานที่เดียวกัน ถัดจากกลุ่มแรก เหตุการณ์นี้ทำให้มีแพทย์และนักวิชาการต่างๆ แสดงความเป็นห่วง เพราะแสดงว่า Omicron มีสมรรถนะในการแพร่เชื้อสูงมาก นอกจากนี้ที่กังวลกันมากคือ มีแนวโน้มที่การติดเชื้อจำนวนมากเช่นนี้จะเกิดจากการแพร่ทางอากาศ (aerosol transmission) โดยมีไวรัสกระจายแขวนลอยอยู่ในอากาศภายในสถานที่นั้น  ไม่ใช่เพียงแค่นอร์เวย์ที่มีเหตุการณ์ติดเป็นกลุ่มก้อนใหญ่

เมื่อวานนี้ประเทศเดนมาร์กรายงานการตรวจพบติดเชื้อจำนวนมาก จากการจัดปาร์ตี้ของนักเรียน High school จำนวน 150 คน โดยพบว่ามีคนติดเชื้อโควิด-19 ถึง 55 คน ทั้งนี้พบว่ามีถึง 53 คนที่เป็น Omicron (15 คน ยืนยันโดยการตรวจสายพันธุกรรมแล้ว อีก 38 คนตรวจ RT-PCR พบว่าเป็น S-gene drop out) คิดเป็นร้อยละ 96.36

สองเหตุการณ์ข้างต้น ชี้ให้เห็นว่า Omicron แพร่ง่าย และมีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายทางอากาศและทำให้ติดเชื้อได้ หากอยู่ในสถานที่แออัด ระบายอากาศไม่ดี และไม่ป้องกันตัวอย่างดีพอ

สำหรับคนไทยเรา…เรียนย้ำว่าตอนนี้เรายังไม่รู้จัก Omicron อย่างลึกซึ้งเพียงพอ ทั้งในเรื่องการป่วยรุนแรง การเสียชีวิต การดื้อต่อภูมิคุ้มกัน และผลกระทบหลังติดเชื้อในระยะยาว อย่าประมาทกับข่าวที่พยายามให้ปักใจเชื่อว่า Omicron กระจอก หากประมาทแล้วติดเชื้อ พาไปติดคนในบ้าน ในที่ทำงาน ติดเชื้อแล้วป่วย ตาย หรือเกิดผลกระทบระยะยาว…คนรับผิดชอบ รับกรรม มีความทุกข์ ก็คือตัวเราและคนรอบข้าง ไม่ใช่ใครอื่น การตัดสินใจประพฤติปฏิบัติในยามวิกฤติเช่นนี้ ควรใช้หลักวิชาการที่ชัดเจนเพียงพอ และผ่านการพิสูจน์แล้ว

ในช่วงเวลาเดือนนี้ จะมีผลการศึกษาวิจัยออกมาอีกมากเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ Omicron มากขึ้น ที่แน่ๆ ตอนนี้เราเห็นชัดเจนว่ามันแพร่ได้อย่างรวดเร็วมาก  การป้องกันไม่ให้ติดเชื้อน่าจะเป็นหนทางที่เหมาะสมกว่าการตั้งอยู่บนความประมาทเราเห็นบทเรียนมามากแล้วว่าผลกระทบมากมายเพียงใด สูญเสียมากเพียงใดจากความธรรมดา กระจอก และเอาอยู่ใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า เว้นระยะห่างจากคนอื่นเกินหนึ่งเมตร เลี่ยงที่แออัด และระบายอากาศไม่ดี

ด้วยรักและห่วงใย